นักธุรกิจทุกวันนี้ต้องเผชิญกับความเครียดมหาศาล โดยเฉพาะเมื่อเจอกับ สถานการณ์โควิด-19 สภาพเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยจะราบรื่น หรือปัญหาต่างๆ ภายในองค์กรหรือบริษัทของตัวเอง และที่สำคัญ ความเครียดและความวิตกกังวลเหล่านี้มีผลอย่างมากต่อชีวิตประจำวันด้วย
ในฐานะนักธุรกิจ (หรือคนที่ทำธุรกิจ) คุณควรจะรับมือกับความวิตกกังวลเหล่านี้อย่างถูกวิธี วันนี้เรามีเทคนิคง่ายๆ 3 ข้อ ที่จะช่วยเยียวยารักษาอาการเครียดจากการทำธุรกิจของคุณ ไปดูกันเถอะว่ามีอะไรบ้าง
1. ควบคุมธุรกิจของคุณให้ได้
คุณอาจจะเป็นคนสำคัญในบริษัท หรือแม้แต่กระทั่งเป็นเจ้าของบริษัทที่ต้องดูแลจัดการหลายสิ่งหลายอย่างพร้อมกัน นี่แหละคือปัญหาใหญ่เลย เพราะยิ่งคุณรับผิดชอบงานเกินตัว มันยิ่งทำให้คุณเหนื่อยและเครียดได้ง่าย การแจกแจงงานที่คุณไม่จำเป็นต้องทำจึงเป็นสิ่งสำคัญ คุณต้องควบคุมบริษัทของคุณ ไม่ใช่ทำเองหมดทุกอย่าง การวางแผนจึงเป็นสิ่งที่จะช่วยคุณได้ อยากให้คุณลองลิสต์รายการสิ่งต่างๆ ที่ต้องทำออกมา แล้วลองคิดดูว่ามีอะไรบ้างที่อาจจะแจกแจงให้คนอื่นรับผิดชอบแทนได้ ทีนี้คุณจะได้มีเวลามากขึ้น และโฟกัสไปกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้ดีขึ้น โดยเฉพาะงานด้านการบริหาร เป็นต้น
2. ประเมินสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดให้เป็น
สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด เป็นสถานการณ์ที่เราไม่อยากให้มันเกิดขึ้นแน่นอน แต่ใครเคยคิดถึงมันบ้างล่ะ? ใครเคยคิดบ้างไหมว่าในกรณีการตัดสินใจแต่ละครั้ง สิ่งที่แย่ที่สุดที่อาจจะเกิดขึ้นได้นั้นเป็นยังไง อย่างเช่น ถ้าคุณลงทุนที่จะซื้อเครื่องจักรใหม่ในราคา 1 ล้านบาท คุณจำเป็นต้องประเมินสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดเอาไว้ด้วย เช่น ถ้ามันทำงานไม่ได้ดั่งใจ เราสามารถนำมันไปขายเพื่อคืนทุนได้บางส่วนหรือเปล่า คุณอาจจะต้องรักษาให้มันอยู่ในสภาพดีที่สุดเพื่อที่ราคาจะได้ไม่ตก ซึ่งคุณประเมินแล้วว่าคุณจะขายได้ในราคา 90% จากที่ซื้อมา ดังนั้นสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดที่อาจเกิดขึ้นก็คือ คุณจะเสียเงินไป 100,000 บาท
ผลลัพธ์ของการทำแบบนี้คือ มันจะช่วยให้คุณเห็นภาพของความล้มเหลวที่อาจเกิดขึ้น และประเมินมันได้ถูก ยิ่งเราเข้าใจและเห็นมันล่วงหน้ามากเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งตัดสินใจได้เฉียบคมมากขึ้นเท่านั้น และแน่นอนว่า มันช่วยลดความวิตกกังวลของคุณได้ด้วย
3. ให้เวลาในการดูแลตัวเอง
อย่ามัวแต่ทำงานจนละเลยตัวเอง ยิ่งคุณปล่อยให้ตัวเองอยู่ในสภาพย่พแย่มากเท่าไหร่ คุณยิ่งผิดหวังในตัวเองมากขึ้นเท่านั้น
อย่าละเลยที่จะพักผ่อนอย่างเพียงพอ กินอาหารดีๆ ใช้เวลาในการหาความรู้ ดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจิต ใช้เวลากับเพื่อนและครอบครัว รวมถึงงานอดิเรกที่คุณอยากทำ
แล้วคุณจะพบว่า ตัวเองมีความสุขกับงานมากขึ้น และความเครียดจะมาระรานคุณได้ยากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย
Source : Inc