6 สิ่งที่ทำให้ ‘วอร์เรน บัฟเฟตต์’ หาเงินล้านได้ ตั้งแต่อายุเพียง 16 ปี

15249

วอร์เร็น บัฟเฟตต์ คือเศรษฐีผู้มีรายได้ปัจจุบันมากกว่า 75 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และเขาฝันอยากจะมีรายได้มหาศาลแบบนี้มาตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น  ด้วยวัยเพียงแค่ 16 ปี ว่าที่ปราชญ์แห่งโอมาฮาก็หาเงินได้จำนวนกว่า 53,000 เหรียญสหรัฐฯ แล้ว และมากพอจะทำให้เขาเกือบปฏิเสธพ่อที่อยากให้เรียนต่อมหาวิทยาลัย เพราะเขาก็ไม่รู้ว่าจะเรียนไปทำไม?

จากหนังสือชีวประวัติของเขา “The Snowball: Warren Buffett and the Business of Life” ที่เขียนโดย อลิซ ชโรเดอร์ จะเห็นได้ว่าบัฟเฟตต์เป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ในการบริหารการเงินและผู้คนมาโดยตลอด

และนี่ก็คือ 6 กิจกรรมแรกๆ ที่เขาทำเพื่อหาเงินล้านได้ตั้งแต่เด็ก

เขาเป็นเด็กส่งหนังสือพิมพ์ให้กับ The Washington Post

ฮาร์เวิร์ด พ่อของบัฟเฟตต์ ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกรัฐสภาเมื่อบัฟเฟตต์อยู่ในช่วงวัยรุ่น ครอบครัวของเขาจึงต้องย้ายจากเมืองโอมาฮา ไปยังวอชิงตัน ดีซี แทน

จากหนังสือ บัฟเฟตต์ในวัยเด็กเริ่มทำงานหาเงินทันทีด้วยวิธีที่เรียกได้ว่าธรรมดาที่สุด ซึ่งก็คือการส่งหนังสือพิมพ์อย่างขยันขันแข็ง ทำให้บัฟเฟตต์มีรายได้มากกว่าผู้ใหญ่หลายๆ คนเสียอีก  ชโรเดอร์กล่าวว่า เขาได้รับเงินตั้งเดือน 175 เหรียญจากการทำงานเพียงแค่ส่งหนังสือพิมพ์ ซึ่งมากกว่าครูของเขาด้วยซ้ำไป ยิ่งกว่านั้นเขายังเขายังขายปฏิทินให้กับลูกค้าหนังสือพิมพ์เป็นรายได้เสริมนิดๆ หน่อยๆ อีกด้วยนะ

เขาขายลูกกอล์ฟมือสอง

ย้อนกลับไปในทศวรรษที่ 1940 หากคุณอยากได้ลูกกอล์ฟมือสองถูกๆ คุณคงเลือกซื้อจากบัฟเฟตต์ในราคาเพียงโหลละ 6 เหรียญ เพื่อนและครอบครัวของบัฟเฟตต์ต่างก็คิดว่าเขาเก็บลูกกอล์ฟตกน้ำมาขาย แต่จริงๆแล้วนักธุรกิจรุ่นเยาว์ผู้นี้ติดต่อสั่งลูกกอล์ฟจากชิคาโก้เลยต่างหากล่ะ

มันเป็นลูกกอล์ฟคุณภาพเลยนะ เขาให้สัมภาษณ์กับชโรเดอร์ มีทั้งแบรนด์ Titleist, Spalding Dots และ Maxlis ผมซื้อมาโหลละ 3 เหรียญครึ่งในสภาพที่ดูใหม่เอี่ยม เขาน่าจะได้มันจากการลงไปเก็บในน้ำเหมือนที่ผมเคยทำตอนแรก แต่เพียงแค่เขาทำได้ดีกว่าผมเท่านั้นเอง

เขาขายแสตมป์

หากคุณอยากได้แสตมป์เจ๋งๆ ไปสะสมล่ะก็ คุณอาจต้องซื้อแสตมป์จากบัฟเฟตต์นี่แหละ เพราะเขาเคยขายแสตมป์ให้กับเหล่านักสะสมทั่วสหรัฐฯ เลยทีเดียว

เขารับขัดเงารถ

บัฟเฟตต์ในช่วงวัยรุ่นได้ร่วมมือกันกับเพื่อนชื่อ ลู แบ็ททิสโตน ก่อตั้งกิจการชื่อว่า Buffett’s Showroom Shine ในลานจอดรถมือสองของพ่อแบ็ททิสโตน แต่คู่หูก็ได้ปิดกิจการลงเนื่องจากเป็นงานที่ใช้แรงงานหนักเกินไป

เขาทำธุรกิจพินบอล

เมื่ออายุได้ 17 ปี บัฟเฟตต์ก็ปิ๊งไอเดียหาเงินที่เจ๋งที่สุดขึ้นมานั่นก็คือ พินบอล เขานำไอเดียนี้ไปเสนอเพื่อนชื่อ ดอน แดนลีย์ ว่าตนเองได้เครื่องเล่นพินบอลเก่ามาในราคา 25 เหรียญ และอยากให้แดนลีย์เป็นหุ้นส่วนด้วยการจัดการซ่อมมัน หลังจากนั้นทั้งสองก็เข้าไปคุยกับ แฟรงค์ เอริโก้ ช่างตัดผมโดยบอกว่าเป็นตัวแทนจากบริษัท Wilson’s Coin-Operated Machine  ยื่นข้อเสนอให้เอริโก้ตั้งเครื่องนี้ไว้หลังร้านเพื่อให้ลูกค้าได้เล่นระหว่างรอ แล้วหารส่วนแบ่งกัน

ผู้คนชื่นชอบเครื่องเล่นพินบอลนั้นกันมากๆ และบัฟเฟตต์ได้รายได้ถึง 4 เหรียญภายในคืนแรก และหลังจากนั้นไม่นานทั้งคู่ก็ทำการติดตั้งเครื่องเล่นพินบอลในร้านตัดผมทั่วทั้งวอชิงตันเลยทีเดียว

เขาทำให้สนามแข่งม้ากลายเป็นสถานที่ทำเงินชั้นเยี่ยม

ตอนยังอยู่ที่โอมาฮา บัฟเฟตต์พบตลาดสำหรับหมุนเงินในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งก็คือ  Ak-Sar-Ben สนามแข่งม้าที่เปิดกิจการตั้งแต่ปี 1919 ถึง 1995 โดยถึงแม้จะเด็กเกินกว่าจะเล่นพนันม้า แต่บัฟเฟตต์ก็คิดวิธีหาเงินได้ด้วยการเก็บตั๋วพนันม้าที่ถูกทิ้งตามพื้น

บัฟเฟตต์อธิบายว่า ช่วงต้นฤดูกาลจะมีคนเต็มไปหมดที่ไม่เคยดูแข่งม้ามาก่อนยกเว้นในหนัง พวกนั้นมักเข้าใจว่าหากม้าไม่ได้เข้าที่หนึ่งก็แปลว่าชวดเงินพนันแล้ว เลยทิ้งตั๋วพนันที่สองกับที่สามไปซะหมด แล้วยังมีการแข่งขันทีผลการแข่งขันเป็นที่โต้แย้งกันมาก ทำให้หลายคนเริ่มโยนตั๋วทิ้งไป นั่นจึงเป็นช่วงที่ทั้งสองรีบตามเก็บตั๋วเหล่านั้นมา

แย่หน่อยตรงที่คนดูชอบถุยน้ำลายลงบนพื้น แต่ก็พวกเขาก็สนุกกันมาก ส่วนตั๋วชนะพนันที่ทั้งคู่เก็บได้นั้น ป้าของบัฟเฟ็ตต์จะเป็นคนเอาไปขึ้นเงินให้

นอกจากนี้บัฟเฟตต์ยังใช้ความชื่นชอบในวิชาคณิตศาสตร์และการเก็บข้อมูลในการทำใบปลิวแนะนำขายให้เหล่านักพนันม้าในชื่อว่า “Stable Boy Selections” โดยใช้เครื่องพิมพ์ดีดนี้เก็บข้อมูลไว้ในห้องใต้ดินที่บ้านบัฟเฟตต์

บัฟเฟตต์กล่าวกับชโรเดอร์ว่า “พวกเราเข้าไปที่สนามแล้วตะโกนว่า “เอาใบปลิวมั้ยครับ!” เราขายในราคา 25 เซนต์ซึ่งถูกมากๆ เลย แต่ก็ต้องปิดกิจการลงในไม่ช้าเพราะเราไม่ได้ให้ส่วนแบ่งกับสนามเหมือนธุรกิจอื่นๆ ในนั้น”

 

Source: businessinsider