กฎ 4 ข้อในการ “ขอขึ้นเงินเดือน”

2164

ใครๆ ก็ย่อมคาดหวังเงินตอบแทนที่สมเหตุสมผลกับความสำเร็จที่ตนทุ่มเททำไป ถ้าคุณอยู่ในโลกแห่งอุดมคติ เจ้านายคงมองเห็นความเก่งกาจของคุณและขึ้นเงินเดือนให้ในทันที แต่ในโลกความเป็นจริงนั้น คุณนี่แหละที่จะต้องยืนหยัดและกล้าเป็นคนขอด้วยตัวเอง แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายนัก แถมยังอาจสร้างความเครียดได้ไม่น้อยเลย ดังนั้น เราจึงขอเสนอ กฏในการขอขึ้นเงินเดือน 4 ข้อ เพื่อให้คุณสมหวังดังปรารถนา ไปชมกัน!

1. เลิกเปรียบเทียบตัวเองกับเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ

อย่าขอขึ้นเงินเดือนโดยอ้างว่าเป็นเพราะเพื่อนร่วมงานคนอื่นได้เงินเดือนเยอะกว่าคุณเป็นอันขาด เพราะการพูดเรื่องของคนอื่นไม่ใช่ลักษณะของมืออาชีพเลย จงเก็บความคิดเห็นของคุณไว้กับตัวเองต่อให้คุณมั่นใจว่าคุณสมควรได้รับเงินเดือนสูงกว่า เพราะคุณไม่มีทางรู้ว่าข้อมูลเกี่ยวกับคนอื่นที่คุณมีจะถูกต้องหรือเปล่า สิ่งที่คุณควรยกมาอ้างคือ ความสำเร็จในงานที่ตัวเองทำ และเหตุผลที่ว่าทำไมคุณถึงควรได้ขึ้นเงินเดือนมากกว่าใครๆ

2. อย่าเอาอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง

อย่ากดดันเจ้านายของคุณด้วยอารมณ์ เช่นว่า คุณมีลูกที่ต้องเลี้ยงดู หรือค่ารักษาพยาบาลที่ต้องรับผิดชอบ มันไม่ใช่เหตุผลที่จะรองรับได้ว่าคุณควรได้รับเงินเดือนมากขึ้น ทุกคนล้วนมีปัญหาส่วนตัวที่ต้องจัดการ ดังนั้น จงใช้คำพูดที่มีเหตุผลและน่าเชื่อถือ แต่อย่าขอความสงสารเห็นใจจากเจ้าน้ายด้วยปัญหาส่วนตัว

3. วางแผนล่วงหน้า เตรียมตัวให้พร้อม

ถ้าคุณต้องการขอขึ้นเงินเดือน ก็ให้นัดหมายกับเจ้านายอย่างเป็นกิจลักษณะ อย่าบอกหรือขอผ่านอีเมลเด็ดขาด เพราะคุณต้องให้ความจริงใจแก่เขาก่อน คุณถึงจะได้รับความจริงใจนั้นกลับมา

การพูดคุยกันตัวต่อตัวและได้เห็นปฏิกิริยากันจะทำให้คุณเข้าใจความคิดเห็นของเจ้านายมากกว่า บางทีเจ้านายอาจจะเห็นด้วยกับคุณ แต่อาจปฏิเสธเพราะปัญหาติดขัดด้านการเงิน หรือเจ้านายอาจจะคิดว่าคุณควรทุ่มเทมากกว่านี้อีกนิดก็ได้ ไม่ว่าเพราะอะไรก็ตาม การพูดคุยกันจะทำให้คุณเข้าใจเหตุผลของเจ้านายได้ดีที่สุด และรู้ว่าคุณควรทำอย่างไรต่อไปถึงจะขอเพิ่มเงินเดือนได้สำเร็จ

“หากคุณปฏิบัติกับผู้อื่นอย่างดี พวกเขาก็จะปฏิบัติกับคุณอย่างดีเช่นกัน 90% นั้นเกิดขึ้นจริง” — แฟรงคลิน ดี รูสเวลต์

4. ทำงานให้มากขึ้น

อย่าเริ่มบทสนทนาด้วยการอ้างว่าคุณได้รับผิดชอบหน้าที่ของตัวเองหมดแล้ว เพราะมันก็อยู่ในความรับผิดชอบของคุณอยู่เดิมแล้ว จำไว้ว่าการขึ้นเงินเดือนคือการจ่ายเพิ่มจากจำนวนที่ตกลงกันไว้ ดังนั้นเจ้านายย่อมต้องคาดหวังว่าคุณจะทำงานให้มากกว่าที่เคยตกลงกันไว้ ถ้าคุณคิดว่าตนสมควรได้ขึ้นเงินเดือน คุณก็ต้องพร้อมที่จะรับผิดชอบภาระงานที่เพิ่มตามมาด้วย

”หากถามว่าคุณควรพยายามนานสักแค่ไหน? ก็จนกว่าจะสำเร็จยังไงล่ะ!” ― จิม โรห์น (Jim Rohn)

 

Source : Entrepreneur