Arthur Schopenhauer นักปรัชญาท่านนี้ เคยกล่าวไว้ว่า “การมีมารยาทเป็นธรรมชาติของมนุษย์ เหมือนขี้ผึ้งเมื่อโดนความร้อนก็จะสามารถปรับเปลี่ยนรูปทรงได้” การที่เป็นคนจิตใจดีและนึกถึงผู้อื่นอยู่เสมอ จะช่วยทำให้อะไรหลายๆ อย่างได้ราบรื่นขึ้น ทำให้ผู้คนชื่นชอบและคล้อยตามความคิดเห็นของคุณอยู่เสมอ
จากงานวิจัยของ Dacher Keltner จาก Berkeley ได้แสดงให้เห็นว่า ตอนที่คุณกำลังมีทุกข์ หรือกำลังเห็นคนอื่นมีทุกข์ สมองของเราจะตอบสนองไม่แตกต่างกัน มันจะกระตุ้นโครงสร้างภายในของสมองส่วนที่ควบคุมพฤติกรรมของการเอาใจใส่ ที่เรียกว่า Periaqueductal gray
“การเอาใจใส่ผู้อื่น จะช่วยให้คุณก้าวหน้าในชีวิตยิ่งกว่าที่โรงเรียนหรือปริญญาใดๆ จะช่วยได้”
– Marian Wright Edelman
ผมเชื่อว่าพวกเราทุกคนต่างก็ต้องการเป็นที่รักของใครต่อใคร จริงไหม? ใครจะอยากเป็นที่ถูกรังเกียจกันล่ะ และการที่จะเป็นคนแบบนั้นได้ มันไม่ยากเลย คุณเพียงแค่ต้องพยายามสร้างพฤติกรรมในแบบที่ คนที่เอาใจใส่ผู้อื่นเขาทำกันยังไงล่ะ
1. ตรงต่อเวลา
แน่นอนว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นรถติด รถเสีย หรืออะไรก็ตามแต่ แต่การที่คุณสายเป็นประจำ มันแสดงให้เห็นว่าเวลาของคุณมีค่ามากกว่าเวลาของคนอื่น อีกทั้งมันยังเป็นการเสียมารยาทอีกด้วย หรือแม้ว่าคุณจะคิดว่าเวลาของคุณสำคัญกว่าของคนอื่นจริงๆ คุณก็ไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศให้โลกรู้ สิ่งที่คุณควรทำก็คือ เอาใจเขามาใส่ใจเราและเป็นคนตรงเวลา
2. เห็นอกเห็นใจผู้อื่นอยู่เสมอ
การเห็นใจผู้อื่นเป็นเรื่องหนึ่ง ส่วนการแสดงความรู้สึกเห็นใจออกมาก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง มันเป็นเรื่องที่ดีหากคุณสามารถเข้าใจผู้อื่น แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะเป็นคนที่เอาใจใส่ผู้อื่นหรอกนะ การเอาใจใส่และเห็นใจผู้อื่นอย่างแท้จริงนั้นคุณจะต้องเข้าใจอีกฝ่ายเสมือนอยู่ในสถานการณ์เดียวกับเขา คุณอาจจะต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองบ้างในบางครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนพฤติกรรมของคุณเพื่อทำให้อีกฝ่ายรู้สึกดีหรือเสนอความช่วยเหลือในสถานการณ์ที่พวกเขารู้สึกย่ำแย่ก็ตาม
3. กล่าวขอโทษเมื่อจำเป็น (และไม่กล่าวพร่ำเพรื่อ)
มนุษย์เรามักกลัวเวลาที่จะไปทำให้ใครคนอื่นรู้สึกแย่ และมักรู้สึกผิดพร้อมกล่าวคำขอโทษบ่อยครั้งบ่อยครา จนคุณค่าของคำขอโทษนั้นอาจจะลดหลั่นลงไป ซึ่งมันจะแตกต่างโดยสิ้นเชิงกับการขอโทษด้วยความจริงใจเมื่อครั้งที่คุณรู้สึกผิดจริงๆ หรือกล่าวเพราะรู้สึกจำเป็น การขอโทษเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งของการเป็นคนที่เอาใจใส่ผู้อื่น
4. ยิ้มบ่อยๆ
ในหลักการทางกายภาพแล้ว การทำหน้าบึ้งมักจะง่ายกว่าการยิ้ม เนื่องการยิ้มนั้นต้องใช้กล้ามเนื้อถึง 24 มัดด้วยกัน แต่อย่างไรก็ตาม การยิ้มก็ให้ผลดีเสมอ อีกทั้งยังก่อให้เกิดผลที่ดีมากๆ ต่อบุคคลอื่น ในขณะที่คุยกับผู้อื่น มนุษย์เรามักจะปฏิบัติตัวเหมือนเป็นกระจกสะท้อนฝ่ายตรงข้ามโดยที่คุณเองก็ไม่รู้ตัว ดังนั้นเมื่อคุณยิ้มให้ผู้อื่น เขาก็จะได้รับความรู้สึกดีๆ เหล่านั้นไปโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัวเช่นกัน
5. มีมารยาท
มีหลายท่านที่ผมรู้จักคิดว่ามารยาทเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น อีกทั้งยังมองว่าเป็นสิ่งที่ไร้สาระอีกด้วย เพราะมันคือการเสแสร้างแกล้งทำ กลุ่มคนเหล่านี้จะเชื่อว่าการมีมารยาทคือการแสดงออกในสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเอง ซึ่งพวกเขากำลังเข้าใจผิด เพราะการมีมารยาทคือการให้ความสำคัญกับความรู้สึกของผู้อื่น ไม่ใช่แค่ความรู้สึกของตัวคุณเองเท่านั้น มันคือการแสดงออกที่ตั้งใจจะทำให้ผู้อื่นรู้สึกสบายใจ
6. มีความฉลาดทางอารมณ์
หนึ่งในความเชื่อผิดๆ ในสังคมเราคือ รู้สึกเช่นไรก็ต้องแสดงออกไปเช่นนั้น ซึ่งมันไม่ถูกต้องเสียทั้งหมด เพราะมันยังมีสิ่งหนึ่งที่เรียกว่า การควบคุมตัวเอง ตัวอย่างเช่น การทำตัวเป็นมิตรกับคนที่ดูเหมือนว่าไม่ได้อยากจะเป็นมิตรกับคุณเท่าไหร่นัก ซึ่งการเป็นคนที่ใส่ใจผู้อื่นนั้น คือการเลือกไม่แสดงออกในสิ่งที่คุณรู้สึกจริงๆ นั่นเอง
7. พยายามผลักดันให้ผู้อื่นเป็นผู้ชนะ
หลายๆ คนชอบใช้ชีวิตในแบบที่ต้องมีผู้แพ้และผู้ชนะ ส่วนคนที่ใส่ใจผู้อื่นจะไม่พยายามมองหาผู้แพ้หรือผู้ชนะ แต่พวกเขาจะพยายามผลักดันให้ทุกคนเป็นผู้ชนะให้ได้ มันไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปได้ง่าย แต่มันก็คือเป้าหมาย หากคุณต้องการเป็นคนที่เอาใจใส่ผู้อื่น คุณต้องล้มเลิกความคิดที่ว่าชีวิตคนเราต้องมีผู้แพ้หรือผู้ชนะได้แล้ว
8. แสดงความช่วยเหลือให้กับผู้อื่น
บางครั้งคุณสามารถรู้ได้ว่าเขากำลังโมโหหรือกำลังรู้สึกแย่ เพราะฉะนั้นการเป็นคนเอาใจใส่ผู้อื่นจึงหมายถึง การที่คุณรู้ว่าใครกำลังต้องการความช่วยเหลือจากคุณอยู่ ซึ่งเมื่อคุณลงมือให้ความช่วยเหลือพวกเขาแล้ว พวกเขาจะประทับใจในความห่วงใยของคุณอย่างมากเลยทีเดียว
การเป็นคนที่เอาใจใส่ผู้อื่นเป็นเรื่องที่ดีทั้งด้านร่างกายและจิตใจ อีกทั้งยังส่งผลดีต่อหน้าที่การงานและคนรอบข้างคุณด้วย และเหนือสิ่งอื่นใด คุณเองก็รู้สึกดีไม่น้อยไปกว่าใครเลย
Source : talentsmart