การทำงานถึง 80 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ “ไม่ใช่สิ่งที่นำไปสู่ความสำเร็จ”

2197

จากการสังเกต คุณสามารถบอกได้เลยว่าคนๆ ไหนที่กำลังจะประสบกับความล้มเหลวในเร็ววัน โดยสังเกตได้จากความซีดเซียวและเหนื่อยล้าที่เห็นได้ชัดผ่านแววตา หรือท่าทางการเดินที่ไร้ชีวิตชีวาราวกับซอมบี้

อัตราความล้มเหลวของธุรกิจนั้นมีผลมาจากการที่ผู้บริหารทำงานหนักเกินไป ปัญหานี้ก็ยังคงอยู่ ผู้ก่อตั้งธุรกิจหลายคนมักชอบโอ้อวดว่าพวกเขาทำงานตั้ง 60-80 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ พวกเขายอมเสียสละทุกสิ่ง ทั้งสุขภาพ ชีวิตแต่งงาน ครอบครัว และสังคม เพราะหลงผิดคิดว่านี่คือการกระทำเพื่อความสำเร็จ  ทั้งที่จริงแล้วมันคือความล้มเหลวอย่างใหญ่หลวง

ความเหนื่อยล้าที่เกิดจากตนเอง

ธรรมชาติของร่างกายคนเราไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อการทำงานนานถึง 80 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ จากการศึกษาจำนวนมากพบว่า คนที่นอนหลับอย่างเพียงพอ ทานอาหารที่มีประโยชน์ และออกกำลังอย่างสม่ำเสมอ จะสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเป็นเวลา 10 ชั่วโมงต่อวัน การพยายามฝืนทำงานเกินกว่า 10 ชั่วโมงต่อวันจึงเป็นการบั่นทอนประสิทธิภาพการทำงานที่คุณควรได้แสดงออกมาอย่างเต็มที่ในช่วงเวลา 10 ชั่วโมงนั้น

คนเราต้องนอนหลับให้เต็มอิ่ม 8 ชั่วโมงเพื่อให้ร่างกายได้พักฟื้นอย่างเต็มที่ นั่นหมายความว่าเราจะมีเวลาเหลืออยู่ 16 ชั่วโมงในการใช้ชีวิต ทำกิจวัตรประจำวันที่จำเป็น เช่น กินข้าว อาบน้ำ แปรงฟัน  และกิจกรรมจิปาถะอื่นๆ เช่น พาสุนัขไปเดินเล่น นอกจากนี้ ยังรวมไปถึง การมีปฏิสัมพันธ์กับครอบครัว พาลูกไปโรงเรียน ไปหาหมอ ไหนจะต้องเสียเวลาไปกับการเดินทางอีก คุณจึงเหลือเวลาเพียง 10 ชั่วโมงในการทำงานจริงๆ ในแต่ละวัน

วิธีการเดียวที่จะทำให้คุณทำงานได้มากขึ้น คือการทำงาน 7 วันต่อสัปดาห์ หรือมิฉะนั้นก็ละทิ้งสิ่งที่เรียกว่าการใช้ชีวิตไปเสีย ละเลยคนรัก พลาดนัดแข่งฟุตบอลของลูก ไม่ยอมเข้ายิม และประทังชีวิตด้วยอาหารจานด่วน เพราะว่าคุณไม่มีเวลาที่จะเตรียมอาหารดีๆ กิน ท้ายที่สุดแล้ว วิถีชีวิตแบบนี้ก็จะทำให้คุณต้องสูญเสียทั้งคนรัก และลูกๆ ผู้คนรอบตัวเริ่มเมินเฉยต่อคุณ และคุณเองอาจต้องเสียชีวิตจากอาการหัวใจวายเพราะทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์

นิิสัยเสียของพวก “บ้างาน”

นิสัยที่พวก “บ้างาน” ส่วนใหญ่มักมีร่วมกันก็คือ ความอดทนต่ำ พวกเขามีเป้าหมายและต้องการที่จะบรรลุมันให้สำเร็จก่อนสุดสัปดาห์ พวกเขามักจะคลั่งไคล้ความสมบูรณ์แบบและให้ความสนใจอย่างถี่ถ้วนกับรายละเอียดปลีกย่อย  พวกเขามักจะเลือกที่จะลงมือทำเองทั้งหมดทุกงาน เพราะต้องการให้งานออกมาถูกต้องและรวดเร็วที่สุด แต่ชีวิตจริงไม่ใช่แบบนั้น คุณยังมองเห็นข้างหน้าไม่ไกลพอ แต่กลับเริ่มทำธุรกิจด้วยการโหมงานหนักเกินตัว ซึ่งเป็นผลมาจากการทำผิดพลาด อย่างที่มักจะเกิดกับผู้ประกอบการส่วนใหญ่ ดังนี้…

  • คุณไม่จัดลำดับความสำคัญ: รู้จักจัดลำดับความสำคัญของงาน เพราะไม่ใช่ทุกอย่างที่จะสำคัญเหมือนกันหมด
  • คุณไม่จัดการกับปัญหาที่ยากก่อน: ความกลัวปัญหาใหญ่ๆ และงานที่ไม่ชอบ ทำให้คุณไม่ยอมทำในสิ่งที่สำคัญก่อน
  • คุณไม่รู้จักการกระจายงาน: คุณกลัวว่าคนอื่นจะทำงานออกมาไม่ได้ดั่งใจคุณ คุณจึงจู้จี้จุกจิกในการทำงานของพวกเขาไปทุกเรื่อง หรือไม่ก็จะเพิ่มเป็นงานของตัวเองเสียเลย
  • คุณหมกมุ่นกับรายละเอียดที่ไม่สำคัญ: คุณมัวแต่ใส่ใจกับการกำจัดวัชพืชโดยที่ไม่ได้สังเกตเลยว่าควรจะตัดหญ้าได้แล้ว

อย่าทำให้ตนเองกลายเป็นทาส

คนบ้างาน มักจะกลายเป็นแบบนั้นด้วยน้ำมือของพวกเขาเอง และพวกเขาเป็นเพียงคนเดียวที่จะหยุดความเสียหายนี้ได้ จงตระหนักว่า คุณมีประสิทธิภาพการทำงานที่ดีที่สุดได้เพียงแค่ 10 ชั่วโมงต่อวัน ดังนั้น หันมาลดเวลาทำงานให้ไม่เกิน 50 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ดีกว่า การทำงานได้ดีย่อมดีกว่าการทำงานหนัก หากคุณตั้งใจทำงานตลอดช่วงเวลา 10 ชั่วโมงนั้น มันย่อมมีค่ามากกว่าการทำงานถึง 20 ชั่วโมง แต่กลับไม่มีคุณภาพ

จงใช้ไหวพริบในการทำงาน:  นี่อาจเป็นคำแนะนำที่ซ้ำซากน่าเบื่อ แต่อย่างไรก็ตาม จงคิดอย่างฉลาดเฉลียวในทุกย่างก้าว จำไว้ว่า การตัดสินใจที่ผ่านการไตร่ตรองมาอย่างดีแล้วย่อมนำมาซึ่งผลดี แต่การตัดสินใจผิดพลาดเพียงครั้งเดียวทำให้เราต้องแก้ไขผลที่ตามมาอย่างยากเย็น  

ปรับเปลี่ยนระบบการทำงาน: หากคุณพบว่าตัวเองไม่สามารถทำงานให้เสร็จตามเป้าได้ด้วยเวลาเพียง 50 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ คุณก็ควรที่จะปรับเปลี่ยนระบบการทำงานในออฟฟิศเสียใหม่ และแบ่งหน้าที่รับผิดชอบให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล

รู้จักปล่อยวาง: ถ้าคุณจ้างพนักงานดีๆ แล้ว สิ่งที่คุณควรทำก็แค่ชี้แจงเรื่องวิสัยทัศน์ เป้าหมายโดยรวมของบริษัทให้ชัดเจน  เสริมสร้างวัฒนธรรมองค์กรให้แข็งแกร่ง โดยไม่จำเป็นที่จะต้องไปจู้จี้และกดดันเรื่องงานกับใครเลย ปล่อยให้พนักงานคุณภาพเหล่านี้สร้างผลงานที่ดีเพื่อคุณจะดีกว่า

 

Source : Entrepreneur