
พวกเขาใช้เวลาส่วนมากอยู่กับตัวเอง
ผู้นำที่ประสบความสำเร็จ ส่วนใหญ่มักมีเวลาให้กับตัวเองมากเป็นพิเศษในสมัยที่ยังเป็นเด็กวัยรุ่น ซึ่งทุกวันนี้พวกเขาก็ยังใช้เวลาอยู่กับตัวเองมากกว่าที่คนส่วนใหญ่คิดด้วยเหมือนกัน การใช้เวลาอยู่กับตัวเองเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะในช่วงวัยกำลังโต ทำให้สามารถ เรียนรู้ สำรวจ ค้นหาตัวตน และจินตนาการในสิ่งที่ใฝ่ฝัน
รักการอ่านสุดๆ
ในวัยเด็กบุคคลเหล่านี้ส่วนใหญ่มักโตมากับกองหนังสือ บางคนก็สามารถอ่านได้ทุกอย่างที่มีอยู่ตรงหน้า แม้แต่สารานุกรมเล่มใหญ่ยักษ์ก็ตาม ซึ่งนี่แหละคือคุณสมบัติของคนที่สามารถเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้เป็นอย่างดี
การอ่านหนังสือหลากหลายประเภท จะทำให้จินตนาการก้าวไกลมากยิ่งขึ้นได้ อย่าอ่านเพียงแค่หนังสือที่คุณคิดว่าอ่านง่ายเท่านั้น แต่ลองหันมาอ่านให้หลากหลายแง่มุมยิ่งขึ้น ทั้งวิชาการ การเมือง ประวัติศาตร์ และการพัฒนาตนเอง จนเรียกได้ว่าคุณสามารถอ่านได้ทุกแนว ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันสามารถช่วยขัดเกลาสมองของคุณได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว
แต่ทว่า สารานุกรมในสมัยก่อนกลายมาเป็นโลกอินเทอร์เน็ตในสมัยนี้ มันมีข้อมูลมากมายเกินกว่าที่คน ๆ หนึ่งจะอ่านไหวอย่างแน่นอน จึงทำให้คนสมัยนี้จำเป็นต้องเลือกอ่านมากกว่าคนสมัยก่อน แต่อย่างไรก็ตาม การอ่านถือเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรละเลย
ชอบการเล่นสวมบทบาท
ในวัยเด็ก คนเหล่านี้มักใช้เวลาไปกับการเล่นสวมบทบาทเป็นบุคคลต่างๆ ที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับเขา อย่างเช่น เป็นแม่ทัพที่กำลังนำพาเหล่าทหารออกรบ เป็นผู้ก่อตั้งธุรกิจค้าขายสินค้า หรือแม้แต่การสร้างครอบครัว ราวกับว่าพวกเขากำลังสนุกอยู่กับจินตนาการเหล่านั้น
ชอบการลองผิดลองถูก
เป็นเรื่องที่น่าสนใจที่คนที่ประสบความสำเร็จเหล่านี้ มักชอบทำการทดลองทุกสิ่งที่พวกเขาสงสัย ซึ่งบางครั้งอาจพลาดบ้าง สำเร็จบ้าง แต่สิ่งที่สำคัญก็คือพวกเขาได้เป็นคนที่ลองผิดลองถูกด้วยตนเองยังไงล่ะ ได้สนุก ได้เรียนรู้ และได้รับประสบการณ์ด้วย
ชอบทำกิจกรรมสร้างสรรค์มากมาย
บุคคลเหล่านี้ส่วนใหญ่ล้วนใช้เวลาในวัยเด็กและวัยรุ่นไปกับกิจกรรมนันทนาการและกิจกรรมสร้างสรรค์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการแต่งเรื่องสั้น บทละคร งานจิตกรรม งานปั้น การแต่งกลอน หรือแม้แต่การเขียนโปรแกมคอมพิวเตอร์ก็ตาม
พวกเขาเป็นผู้สร้างมากกว่าผู้รับ
การอ่าน การดูหนัง หรือการฟังเพลง สิ่งเหล่านี้เป็นกิจกรรมที่ใช้เวลาอย่างคุ้มค่าอย่างหนึ่ง แต่มันคือการรับข้อมูล ซึ่งเป็นกิจกรรมของผู้รับ
บุคคลที่ประสบความสำเร็จส่วนมากจะใช้เวลาไปกับการสร้างมากกว่า พวกเขามักสร้างสิ่งต่างๆ ที่สำคัญ และเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ อยู่เสมอ
ปัจจุบันการสร้างสรรค์เป็นสิ่งที่ทำได้ยากขึ้น เพราะล้วนมีแต่สิ่งที่ทำให้เรานั้นกลายเป็นผู้รับ โดยเฉพาะ แท็บเล็ตที่ออกแบบมาเพื่อให้เราใช้งานเป็นผู้รับอย่างเต็มตัว ซึ่งต่างจากคอมพิวเตอร์ที่ออกแบบมาเพื่อให้ใช้ได้หลากหลายมากกว่า รวมถึงงานสร้างสรรค์
ชอบตีตัวออกห่างจากแรงกดดันทางสังคม
โรงเรียน โดยเฉพาะในระดับมัธยม เป็นสังคมที่ค่อนข้างกดดันสำหรับทุกคน ทุกคนต้องการตำแหน่งและมีการแบ่งกลุ่มแบ่งพวกตลอดเวลา ชีวิตในโรงเรียนเป็นเสมือนกับสงครามกลางเมืองที่มีการแย่งชิงกันมากมาย และยากที่จะหนีพ้น
การใช้เวลาอยู่กับตัวเองถือเป็นการได้พักจากความวุ่นวายภายในสังคมโรงเรียน การได้อยู่คนเดียวบ้างจะทำให้ได้ใช้เวลาค้นหาตัวตนของตัวเอง ดีกว่าการพยายามทำตัวให้เหมือนคนอื่น ๆ
แต่ปัจจุบัน การอยู่กับตัวเองถูกมองว่าเป็นเรื่องแปลก
ในช่วง 30 ปีให้หลังมานี้ มีสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปหลายอย่าง ทั้งการที่พ่อแม่มีเวลาให้กับลูกมากขึ้น หรือแม้แต่การที่พ่อแม่ป้อนโอกาสมากมายให้กับลูก เช่นการส่งให้ไปเรียนกีฬา เรียนพิเศษ หรือ เรียนภาคฤดูร้อน และอื่นๆ
ก็จริงอยู่ การที่พ่อแม่สร้างโอกาสให้ลูกนั้นมีผลดีหลายอย่าง แต่ผลเสียของมันก็มีคือ ลูกจะมีโอกาสอยู่กับตัวเองน้อยลง และเมื่อใดก็ตามที่พวกเขาได้อยู่กับตัวเอง พวกเขาก็จะติดอยู่กับโลกของโซเชียลมีเดีย หรือแม้แต่การคุยโทรศัพท์มือถือ ดังนั้น พวกเขาจึงหลีกหนีความวุ่นวายจากสังคมได้ยากมากขึ้น
ฉะนั้น เราจึงต้องหวังว่าเด็กยุคใหม่ในปัจจุบัน จะไม่ถูกเลี้ยงตามแบบแผนของยุคที่ผ่านมามากเกินไป เพราะทุกคนไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ โดยเฉพาะเหล่าคนที่เข้าสังคมเก่ง มีภาวะผู้นำ และประสบความสำเร็จนั้น ยิ่งต้องการเวลาในการอยู่กับตัวเองและใช้เวลากับตัวเองให้มากขึ้น
Source : Time