
ไม่กี่วันที่ผ่านมาแอดมิน Sumrej.com ได้มีโอกาสอ่านหนังสือเล่มหนึ่งชื่อว่า “แกะดำโลกสวย” หนังสือที่พูดถึงเรื่องราวของผู้ชายที่ชื่อ อาทิตย์ อุไรรัตน์ อดีตประธานสภาในตำนาน และอธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต ที่เรียกได้ว่าแต่ละช่วงจังหวะของชีวิตนั้นผ่านร้อนผ่านหนาวมามากพอ สำหรับบอกเล่าเป็นประสบการณ์ จากเหตุการณ์ยุคต่างๆ ตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน
ภายในหนังสือได้สะท้อนมุมมอง วิธีคิด วิธีก้าวข้ามปัญหา ของ ดร.อาทิตย์ ออกมาได้อย่างน่าสนใจ เพราะไม่ว่าเขาจะคิดหรือมองอะไร ก็มีความโลกสวยไปเสียหมด บางเรื่องดูเป็นไปไม่ได้ แต่เขากลับทำให้เป็นไปได้ หรืออาจเรียกว่าสำเร็จได้แบบสวยหรูอีกด้วย เคล็ดลับความสำเร็จของ ดร.อาทิตย์อยู่ที่เวิร์ดดิ้งง่ายๆ คือ “ทำไม่ได้ ไม่ได้” หากไม่มีคนทำ เราก็ทำ หากไม่มีเงินทำ เราก็กู้ ไม่มีอะไรที่เราตั้งใจจะทำ แล้วทำไม่ได้
วันนี้แอดมินจึงขอหยิบยกความสำเร็จส่วนหนึ่งของหนังสือ “แกะดำโลกสวย” มาบอกเล่าให้ทุกท่านได้อ่านกันครับ
นักเรียนนอก
ชีวิตนักเรียนนอก ที่หลายคนอาจมองว่าสบาย ได้ไปศึกษาเล่าเรียนที่ต่างประเทศ และมีชีวิตที่ดี แต่สำหรับ ดร.อาทิตย์แล้ว ชีวิตนักเรียนนอกกลับมีเรื่องพลิกผันมากมาย จุดเริ่มต้นเกิดขึ้นจากการสอบชิงทุนพิวริฟอย โดยทุนนี้จะสนับสนุนให้ไปศึกษาปริญญาโทในสาขาการฑูตและการต่างประเทศ ที่โรงเรียนการฑูตเฟลชเชอร์เป็นเวลาหนึ่งปี ซึ่งการได้รับทุนครั้งนี้ นับว่าเป็นใบเบิกทางครั้งสำคัญของการก้าวเดินไปเป็นนักการฑูตในอนาคตของ ดร.อาทิตย์
ในระหว่างที่เรียนเมืองนอก ดร.อาทิตย์ต้องดิ้นรนกับชีวิตอยู่เสมอ ด้วยแนวคิด ทำไม่ได้ ไม่มี มีแต่ไม่ทำ ดร.อาทิตย์จึงรับทำงานพิเศษแทบทุกอย่างที่มี เพื่อหาเงินระหว่างเรียนและพึ่งพาครอบครัวให้น้อยที่สุด ทั้งงานลบกระดานดำ งานขัดพื้นลงแว๊กพื้นในห้องสมุด เก็บขวดขาย งานรับจ้างทั่วไป หรือแม้แต่เป็นยามเฝ้าโรงพิมพ์ก็เป็นมาแล้ว
แต่เมื่อกิจกรรมเด่น การเรียนกลับไม่เด่นตาม ท้ายที่สุด เขาสอบตก! และไม่ประสบความสำเร็จจากการเรียนปริญญาโทใบที่สองจาก UCLA การสอบตกครั้งนั้นไม่ได้ทำให้ ดร.อาทิตย์ท้อถอย เขามองว่าไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ในเมื่อเรียนไม่จบ ก็ต้องเรียนใหม่ให้จบ เพื่อโอกาสที่จะได้เรียนต่อในระดับปริญญาเอก เพราะความล้มเหลวครั้งนั้น จึงช่วยให้ ดร.อาทิตย์พยายามเข้าศึกษาใหม่ที่ LASC ถึงแม้จะยากลำบากและเสียเวลาก็ตาม ในที่สุดแล้วก็สามารถเรียนจบปริญญาโทและเอกทางด้านการบริหารรัฐกิจได้สำเร็จ แม้ว่าจะไม่ได้เรียนด้านการฑูตเหมือนอย่างที่เคยฝัน แต่สำหรับ ดร.อาทิตย์แล้วสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า คือการนำความรู้กลับไปพัฒนาระบบราชการไทยและพัฒนาประเทศชาติ
คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต
ดร.อาทิตย์มองว่าประเทศไทยของเรายังขาดแคลนบุคลากรทางด้านการแพทย์และพยาบาลอยู่อีกมาก ในเมื่อภาครัฐผลิตบุคลากรออกมาไม่เพียงพอต่อความต้องการของประเทศ แล้วเมื่อไรคุณภาพชีวิตของประชาชนจะดีขึ้นได้ ดร.อาทิตย์ จึงริเริ่มก่อตั้งมหาวิทยาลัยรังสิตขึ้นมาเพื่อช่วยภาครัฐผลิตบุคลากรด้านนี้
การเปิดคณะแพทยศาสตร์ ที่ม.รังสิต มีแต่เสียงวิพากษ์วิจารณ์ในทางที่ไม่ค่อยดีนัก บ้างก็เกรงว่า ม.รังสิตจะผลิตแพทย์ที่ไม่มีคุณภาพ เพราะขาดประสบการณ์ และถูกมองว่าเป็นม.เอกชนที่หวังผลกำไรมากกว่าการผลิตแพทย์ที่มีคุณภาพ กระแสต่อต้านนี้ทำให้โอกาสการขอเปิดคณะแพทยศาสตร์ยิ่งริบหรี่ลง ซ้ำยังมีกรรมการแพทย์สภา 2 คน ยอมลาออกเพื่อประท้วงไม่เห็นด้วยที่ม.เอกชนจะผลิตแพทย์ มันยิ่งสร้างความลำบากใจมากขึ้นไปอีก
เมื่อมองแล้วหนทางแลดูลำบากกว่าจะถึงฝั่ง แต่ ดร.อาทิตย์กลับไม่คิดเช่นนั้น ยังพยายามต่อโดยขอพูดคุยกับศาสตราจารย์นายแพทย์หลายๆ ท่าน เพื่อแสดงเจตจำนงที่ตั้งใจเพื่อขอความร่วมมือก่อตั้งคณะแพทย์ จนในที่สุดความตั้งใจก็เป็นผล เมื่อหลายฝ่ายมีท่าทีตอบรับมากขึ้น ทำให้คณะแพทย์มหาวิทยาลัยรังสิตเป็นรูปเป็นร่าง จนกลายเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งแรกของประเทศที่มีคณะแพทยศาสตร์ และเปิดหลักสูตรมาจนถึงปัจจุบัน
วิกฤตน้ำท่วม มหาวิทยาลัยรังสิต
เมื่อปี พ.ศ. 2554 ในเดือนกันยายน ได้เกิดวิกฤตการณ์น้ำท่วมใหญ่ขึ้นในภาคกลาง ม.รังสิตก็เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ได้รับผลกระทบ ทางด้านวิศวกรรรมประเมินสถานการณ์ว่า ม.รังสิตหากรอน้ำลดคงต้องรอไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์แน่นอน ซึ่งระหว่างนั้นจะเป็นช่วงที่บัณฑิตต้องรับปริญญา ดร.อาทิตย์ จึงรีบสั่งแก้ปัญหาโดยลดระดับน้ำให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ระดมจัดหาเครื่องสูบน้ำจากที่ต่างๆ จน ม.รังสิตสามารถดูดน้ำออกได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็ต้องมาพบเจอกับสภาพภายในมหาวิทยาลัยที่มีแต่คราบสกปรกติดผนังและกำแพงทั่วทุกจุด อุปกรณ์สิ่งของเลอะเทอะ ต้นไม้และดอกไม้เหี่ยวเฉายืนต้นตายเต็มไปหมด
จนมีนักศึกษามือดีคนหนึ่ง โพสต์เฟสบุ๊กไปที่หน้าวอลของดร.อาทิตย์ บอกว่า แล้วรับปริญญาปีนี้เขาจะไปถ่ายรูปเก็บไว้เป็นความทรงจำได้ที่ไหนล่ะเนี่ย? ด้วยความเสียหายมากมายขนาดนี้ มันยากจริงๆ ที่จะรื้อฟื้นให้กลับมาเหมือนเดิม หากเป็นผู้บริหารคนอื่นคงเลือกที่จะไปจัดงานรับปริญญาที่อื่นเพื่อประหยัดงบประมาณกันไปแล้ว แต่ ดร.อาทิตย์เลือกที่จะทำเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ด้วยการทำสิ่งที่ผู้บริหารทั่วไปไม่คิดจะทำกันแน่ๆ เขาจัดการเนรมิตภูมิทัศน์ใหม่ทั้งหมด ต้นไม้ที่ยืนต้นตายถูกพ่นสีให้ฉูดฉาดสวยงาม กลายเป็นสถานที่ที่ใครเห็นเป็นต้องถ่ายรูปเก็บเป็นความทรงจำ และได้ตั้งชื่อสถานที่นี้ว่า “สวนอวตาร” ถึงแม้ว่าการกระทำครั้งนี้จะใช้เงินมากมายขนาดไหน แต่ ดร.อาทิตย์ก็เลือกที่จะทำ เพื่อสร้างรอยยิ้ม ความสุข และความทรงจำดีๆสำหรับบัณฑิตทุกคน
นายกคนกลาง
เมื่อปี 2535 ในขณะนั้น ดร.อาทิตย์ มีตำแหน่งเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร ด้วยเหตุที่มีสงครามกลางเมือง และกระแสกดดันจากสังคมว่านายกต้องมาจากการเลือกตั้ง ดร.อาทิตย์ตัดสินใจใช้วิธียืดเวลาในการสรรหานายกรัฐมนตรีออกไป โดยมีเวลาแค่ไม่ถึง 10 วันในการตัดสินใจ ซึ่ง ดร.อาทิตย์มีเพียงแค่สองทางให้เลือกเดิน ทางที่หนึ่งคือ ต้องเลือกคนในพรรค ที่เป็นกลุ่มของทหารแต่ประชาชนไม่ชอบ ถ้าหากเลือกเข้ามามีหวังบ้านเมืองวุ่นวายไปกันใหญ่แน่นอน และอีกทางหนึ่งคือ เลือกพรรคฝ่ายค้าน แต่พอได้ทาบทามคุณชวน หลีกภัย เขาก็ปฏิเสธ เนื่องจากหากคุณชวนได้เป็นนายกฯ ก็ไม่สามารถทำงานได้เพราะเสียงส่วนใหญ่เป็นรัฐบาล
ในสถานการณ์ที่กดดันและดูเหมือนจะไม่มีทางออกเลย ดร.อาทิตย์ตัดสินใจ เพื่อจะฝ่าทางตันนี้ออกไป โดยได้นำชื่อทูลเกล้าถวายในหลวงด้วยการเสนอชื่อนายกคนกลางที่ทำให้ทุกฝ่ายสามารถยอมรับได้นั่นคือเสนอชื่อ
คุณอานันท์ ปันยารชุน เป็นนายกรัฐมนตรี ดร.อาทิตย์รู้อยู่แก่ใจว่าจะเป็นผลเสียมากกว่าผลดีต่อตนเองและครอบครัว แต่ในใจพึงระลึกถ้าหากมันเกิดผลดีต่อประเทศชาติบ้านเมือง เขาก็ยอมที่จะเลือกฝ่าวิกฤตโดยวิธีนี้ ด้วยความกล้าทำ กล้าตัดสินใจครั้งนั้น ส่งผลให้ประเทศไทยสามารถก้าวข้ามผ่านวิกฤตการเมืองไปได้ การได้รับเสียงตอบรับและการชื่นชมจากประชาชนทั่วประเทศว่านี่แหละ รัฐบุรุษผู้กล้า วีรบุรุษประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของเรื่องราวชวนคิดในหนังสือ “แกะดำโลกสวย” ของ ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ จากเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น ถึงแม้จะพบเจออุปสรรคมากสักเพียงใด โอกาสมีน้อยสักเพียงไหน แม้สิ่งที่ได้รับกลับมาจะไม่ใช่ผลกำไรหรือตัวเงิน แต่สิ่งที่ได้จากความสำเร็จเหล่านี้ นั่นคือ ความสุข และดร.อาทิตย์ ก็ยังทำตามแบบฉบับโลกสวยอย่างนี้ต่อไป เพราะดร.อาทิตย์ เชื่อเสมอว่า “ทำไม่ได้ ไม่มี มีแต่ไม่ทำ”
นับว่าเป็นหนังสือที่ดีอีกเล่มหนึ่งที่ทุกๆคนควรอ่าน ท่านที่สนใจอย่าลืมลองหามาอ่านกันนะครับ “แกะดำโลกสวย” รับรองไม่ผิดหวังแน่นอน สามารถหาซื้อได้แล้วที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ หรือสั่งซื้อออนไลน์ได้ทาง
ซีเอ็ดบุ๊ค : https://goo.gl/TNmWbI
ร้านนายอินทร์ : https://goo.gl/uFgCBq