
ในปัจจุบันมีบริษัทยักษ์ใหญ่มากมายแข่งขันกันที่จะมอบสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับบุคลากรนับพัน ไม่ว่าจะเป็นการจ้างเชฟชั้นนำ การมีห้องฟิตเนส หรือแม้กระทั้งห้องพักผ่อนในบริษัท ที่บริษัททำไปทั้งหมดนี้ก็เพราะว่าบริษัทต้องการที่จะให้บุคลากรอาศัยอยู่ที่ทำงาน ตัวอย่างเช่น บริษัทเฟสบุ๊ค จ่ายเงินให้กับพนักงานกว่า $10,000 ดอลล่าร์ เพื่อให้พนักงานมาอาศัยอยู่ใกล้ๆกับ Menlo Park(สำนักงานใหญ่ของเฟสบุ๊ค)
แต่คำถามอยู่ที่ว่า
“ทำไมบริษัทไม่เก็บเงินมากมายเหล่านี้ไว้ แล้วยอมให้พนักงานทำงานที่บ้านล่ะ?”
บริษัทจะสามารถประหยัดเงินได้อย่างมากมายมหาศาล
ทำไมทุกคนควรทำงานที่บ้าน?
ผมก็เป็นบุคลากรคนนึงที่ทำงานอยู่ที่บ้าน ทำมาได้ 3 ปีแล้วครับ ผมบอกได้เลยว่าผมไม่เคยมีความสุขเท่านี้มาก่อน พูดตามตรงผมไม่อยากกลับไปทำงานที่ออฟฟิตอีกเลย คุณลุงของผมก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของคนทำงานที่บ้าน เขาทำงานที่บ้านให้กับบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งในประเทศสหรัฐอเมริกา เชื่อไหมครับ เขาก็ยังได้โบนัสอยู่เหมือนเดิม
ในปี 2016 เทคโนโลยีต่างๆได้มีการพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด ยิ่งเป็นเทคโนโลยีเกี่ยวกับการสื่อสารด้วยแล้ว เราสามารถที่นำเอาเทคโนโลยีเหล่านี้มาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์กับตัวเราและบริษัทได้ จากที่แต่ก่อนจะต้องเดินทางเป็นชั่วโมงๆเพื่อไปประชุมงานกับหัวหน้า ก็ลองเปลี่ยนมาใช้การสื่อสารแบบ Video Call ดูบ้าง จะทำให้ชีวิตคุณง่ายขึ้นเยอะ ต่อไปนี้คือประโยชน์ทั้ง 5 ข้อของการทำงานที่บ้าน
ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
จากการสำรวจความพึงพอใจของพนักงานพบว่า พนักงานที่ทำงานอยู่ที่บ้านจะมีความสุขและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าพนักงานที่ทำงานอยู่ที่ออฟฟิต
เว็บไซต์ชื่อดังอย่าง Harvard Business Review ได้นำเสนอบทความเกี่ยวกับ บริษัท Ctrip(บริษัทท่องเที่ยวรายใหญ่ของประเทศจีน) บริษัทนี้ได้มีนโยบายให้พนักงานกว่าครึ่งทำงานอยู่ที่บ้านเป็นเวลากว่า 9 เดือน พนักงานที่เหลืออีกครึ่งทำงานที่ออฟฟิตเหมือนเดิม ผลสรุปของการทดลองครั้งนี้ สรุปได้ว่า พนักงานที่ทำงานอยู่ที่บ้านมีความสุข และทำงานได้มีประสิทธิภาพมากกว่า นอกจากนี้ยังมีโอกาสน้อยกว่าที่จะลาออกด้วย
พักได้บ่อยกว่า
ในทางกลับกัน เวลาที่คุณทำงานอยู่ที่บ้าน คุณไม่จำเป็นต้องแคร์สายตาของหัวหน้าหรือพนักงานคนอื่นๆ คุณจะพักเมื่อไหร่และนานเท่าไหร่ก็ได้ ขอแค่ให้งานของคุณออกมาดีและเสร็จทันเวลา
การวิจัยพบว่า การพักผ่อนเป็นช่วงๆสามารถเพิ่มความคิดสร้างสรรค์และประสิทธิภาพในการทำงานให้กับคุณได้ ในทางตรงกันข้ามการที่ไม่ได้พักผ่อนเลย สามารถนำไปสู่โรคเครียดและทำให้เหนื่อยล้าได้ง่าย ทางเลือกที่ดีที่สุดก็คือ คุณควรพักทุก 50-90 นาที พักครั้งละ 15-20 นาที ถ้าอยู่ที่ออฟฟิตคงทำไม่ได้แน่ๆ
สามารถเลือกเวลาทำงานเองได้
จะมีสักกี่คนที่ไม่อยากตื่นสายในวันทำงาน ถ้าเราเลือกเวลาทำงานของตัวเราเองได้จะดีสักแค่ไหน? ผมคนนึงแหละที่ชอบทำงานในเวลากลางคืน เพราะผมรู้สึกว่าสำหรับตัวผมแล้ว ทำงานตอนกลางคืนทำให้มีสมาธิและมีประสิทธิภาพมากกว่า ผมไม่ได้พยายามจะบอกว่าพวกคุณว่าทำงานตอนกลางคืนมันดีกว่าตอนเช้า แต่ละคนมีความถนัดไม่เหมือนกัน ทำงานตอนเช้าก็มีข้อดีของมันเช่นกัน จงค้นหาตัวเองให้เจอ ว่าเวลาในของวัน คุณจะมีพลังงานและสมาธิมากที่สุด แล้วจงอย่าบ่อยเวลาดีๆแบบนั้นให้สูญเปล่า
ไม่ต้องเดินทางไปทำงาน
การเดินทางไปทำงานเป็นอะไรที่เสียทั้งเงินและเวลา คุณเคยลองคำนวณค่าเดินทางไปทำงานของทั้งเดือนหรือของทั้งปีบ้างไหม?
- โดยเฉลี่ยคนอเมริกันเสียค่าเดินทางไปทำงาน $2,600 ดอลล่าร์ต่อปี
- ถ้าคุณเดินทางไปทำงานใช้เวลา 45 นาทีต่อครั้ง คุณจะเสียเวลาทั้งหมด 16 วันเต็มๆ ต่อการทำงาน 1 ปีไปกับเวลาการเดินทาง ถ้าคุณใช้เวลาเดินทาง 90 นาที เวลาการทำงานของคุณจะหายไปเดือนนึงเต็มๆ
- คุณจะเสียเวลาประมาณ 38 ชั่วโมงต่อปีไปกับรถติด
- แน่นอน มันไม่ส่งผลดีต่อสุขภาพคุณด้วย
ไม่มีผลกระทบร้ายแรงกับบริษัท
นายจ้างหลายคนมีความกังวลว่าถ้าให้พนักงานทำงานอยู่ที่บ้านได้ จะมีผลกระทบที่ไม่ดีตามมา ตัวอย่างเช่น ไม่สามารถกำกับดูแลพนักงานได้อย่างทั่วถึง เกิดการกระจายอำนาจ หรือแม้กระทั้งทำให้บริษัทเสียหาย แต่ผมว่ามันไม่ใช่ปัญหาแน่นอน ไม่งั้นบริษัท Startup ใหม่ๆ ที่พนักงานทุกคนทำงานที่บ้าน บริษัทเหล่านี้จะประสบความสำเร็จ มีกำไรเป็นสิบล้าน ร้อยล้าน ได้อย่างไร?
จงกล้าที่จะเป็นเจ้าของชีวิตตัวเอง ยืนหยัดเพื่อสุขภาพกายและสุขภาพใจของตัวเองซะ ลองไปขอนายจ้างของคุณดู อาจจะเริ่มจากวันนึงต่อเดือน หรือวันนึงต่อสัปดาห์ แล้วคุณจะตกใจกับผลลัพธ์ของการทำงานที่บ้านแน่นอน ผมเชื่ออย่างงั้น