“แจ็ก หม่า” บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในจีนกับเคล็ดลับการฝ่าฟันอุปสรรค

11882
แจ็ก หม่า

ในปัจจุบัน (5 มิถุนายน 2559) แจ็ก หม่าอายุได้ 51 ปี เขาเป็นเจ้าของบริษัท eCommerce ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีนนามว่า Alibaba ส่วนตัวเขามีทรัพย์สินกว่า 23.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ และเรื่องที่ไม่น่าเชื่ออีกอย่างหนึ่งก็คือ บริษัท Alibaba ของเขา มีหุ้น IPO สูงที่สุดในประวัติศาสตร์โลก ใครจะคิดว่าแต่ก่อนเขามีอาชีพเป็นเพียงครูสอนภาษาอังกฤษรายได้ตกวันละ 12 ดอลล่าร์ หรือ ประมาณ 400 บาทแล้วจะกลายมาเป็นเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศจีน

ความสำเร็จของแจ็ก เป็นอะไรที่น่าเหลือเชื่อมากๆ ถ้าพิจารณาจากจุดเริ่มต้นที่ไม่มีอะไรเลยของเขา รวมถึงความขาดแคลนทั้งด้านการเงิน ทรัพยากร และอื่นๆอีกมากมาย เขาต้องเจอกับอุปสรรคจำนวนมาก มากกว่าใครหลายๆคนเคยเจอมาทั้งชีวิตเสียอีก เขาต้องล้มมาแล้วกว่าหลายสิบครั้ง แต่เขาก็สามารถผ่านพ้นมาได้ และได้มายืนในจุดๆนี้ น่าชื่มชมเป็นอย่างยิ่ง

แจ็ก หม่า

และนี้คือ “อุปสรรคอันใหญ่หลวงทั้ง 7 ข้อ” ที่แจ็กเคยเอาชนะมันมาได้ ดั่งฮีโร่ของเขา นั้นก็คือ Forest Gump (ตัวละครในหนังเรื่อง Forest Gump)

1.เขาไม่เคยยอมแพ้ ถึงแม้เขาจะสอบตกบ่อยครั้งในโรงเรียน

แจ็ก ไม่ใช่นักเรียนที่ดีนัก ในความจริงแล้วเขาสอบเข้าโรงเรียนมัธยมไม่ได้ด้วยซ้ำ

“ตอนเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษา ผมสอบตกถึง 2 ครั้ง และมัธยมอีก 3 ครั้ง รวมถึงสอบเอ็นทรานซ์เข้ามหาลัยก็ตกอีก 2 ครั้ง…” แจ็กกล่าว

แต่ดูเหมือนแจ็กจะไม่ใช่คนเดียวนะ คนที่ประสบความสำเร็จหลายคนที่ต้องประสบปัญหาแบบเดียวกับแจ็กก็มี ตัวอย่างเช่น อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์, วินสตัน เชอร์ชิล, อับราฮัม ลินคอล์น พวกเขาล้วนแล้วแต่ต้องสู้ชีวิตในวัยเด็กทั้งนั้น

2.แจ็กสอบเอ็นทรานซ์วิชาคณิตศาสตร์ ได้คะแนน 1 เต็ม 120

นอกจากแจ็กจะสอบตกแล้ว เขายังได้คะแนนน้อยกว่าหนึ่งเปอร์เซ็นในการสอบเอ็นทรานซ์เข้ามหาลัย มันไม่ได้เป็นเพราะว่าเขาไม่มีเวลาเตรียมตัวอ่านหนังสือแต่อย่างใด แต่แจ็กเป็นคนที่มีปัญหากับคณิตศาสตร์มาตั้งแต่เด็กๆ และไม่น่าเชื่อบริษัท Alibaba ของเขาดันเป็นบริษัทที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีซะด้วย

“ผมเป็นคนที่ไม่เก่งคณิต ไม่เคยเรียนการบริหารด้วย ในปัจจุบันยังดูรายงานบัญชีไม่รู้เรื่องเลย” แจ็กกล่าว

สรุปว่าคนเราไม่จำเป็นต้องเก่งคณิตศาสตร์ก็สามารถกลายเป็นเศรษฐีได้ ในวัยเด็กของแจ็ก เขายังไม่เคยได้ยินคำว่า คอมพิวเตอร์ เลยด้วยซ้ำ

3.ถึงถูกมหาลัยชื่อดังอย่างฮาร์วาร์ดปฏิเสธกว่า 10 ครั้งแต่ก็ไม่เคยยอมแพ้

มันไม่แปลกที่เขาจะถูกมหาลัยชั้นนำอย่างฮาร์วาร์ดปฏิเสธ เพราะใครก็รู้ว่ามหาลัยแห่งนี้เข้ายากมาก แล้วด้วยความที่แจ็กเป็นเด็กที่เรียนไม่เก่ง ที่น่าแปลกใจก็คือเขาเคยยื่นใบสมัครไปกว่า 10 ครั้ง มันแสดงให้เห็นว่าแจ็กเป็นคนที่ดื้อดึง และมีความอดทนสูงเอามากๆ นี้แหละเป็นสิ่งสำคัญที่คนประสบความสำเร็จต้องมี

สุดท้ายเขาก็ได้สมัครเข้าเรียนที่มหาลัย Hangzhou Normal University เอกภาษาอังกฤษในที่สุด

4.แจ็กถูกบริษัทกว่า 30 แห่งปฏิเสธ

หลังจากที่แจ็กเรียนจบ เขาก็หางานไม่ได้ เขายื่นใบสมัครไปกว่า 30 ที่ แต่เขากลับถูกปฏิเสธหมดเลย เขาเคยไปสมัครเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังจากที่แจ็กยื่นใบสมัครไปเพียงแค่ครู่เดียว เขาก็ได้คำตอบกลับมาทันทีว่า “คุณดีไม่พอ”

แต่เขาเป็นคนที่ไม่คิดจะยอมแพ้ ดั่งฮีโร่ในดวงใจของเขา Forest Gump

“วันนี้มันโหดร้าย พรุ่งนี้โหดร้ายกว่า แต่วันมะรืนจะเป็นวันที่สวยงาม”

5.แจ็กไปสมัครเป็นพนักงาน KFC และเป็นผู้เข้าสัมภาษณ์คนเดียวที่ถูกปฏิเสธจากทั้งหมด 24 คน

จากทั้งหมด 24 ของผู้เข้าสมัครงาน KFC แจ็กเป็นคนเดียวที่ถูกปฏิเสธเนื่องจากรูปลักษณ์ภายนอกของเขา เขาหน้าตาไม่ดีและตัวเล็ก

ภรรยาของเขา Zhang Ying(เธอแต่งงานกับแจ็กก่อนที่แจ็กจะเป็นคนมีฐานะ) เธอกล่าวว่า “ฉันไม่สน เกี่ยวกับรูปลักษณ์ภายนอกของแจ็ก ที่ฉันหลงรักเขาเพราะว่าเขาสามารถทำได้หลายอย่างที่คนหน้าตาดีทำไม่ได้”

6.โน้มน้าวให้ ซิลิคอนวัลเลย์ (Silicon Valley) ให้ลงทุนกับ Alibaba ไม่สำเร็จ

หลังจากที่เขาได้ก่อตั้งบริษัท Alibaba ขึ้นได้สำเร็จ เขาก็ยังต้องพบเจอกับอุปสรรคมากมายเหมือนเดิม บริษัทของเขาไม่ได้กำไรเลยในช่วงสามปีแรก ตอนก่อตั้งบริษัทใหม่ๆ พวกเขาขยายตัวเร็วเกินไป และเกือบจะต้องปิดกิจการเพราะเจอช่วงภาวะเศรษฐกิจฟองสบู่ดอตคอม ในตอนนั้นอีกแค่ 18 เดือน Alibaba ก็จะต้องล้มละลาย

7.แจ็กบอกหุ้นส่วนทั้ง 18 คนของเขาว่า “จะไม่มีใครได้ตำแหน่งผู้บริหาร”

แจ็กกล่าวว่า ข้อผิดพลาดครั้งใหญ่ที่สุดที่เขาเคยก่อก็คือ เขาบอกกับสมาชิกทีมที่ร่วมก่อตั้ง Alibaba ว่า “จะไม่มีใครได้รับตำแหน่งมากกว่าผู้จัดการ” เพราะเขามีแพลนที่จะจ้างผู้บริหารจากที่อื่นมาดูแลและควบคุม Alibaba แทน

แจ็กกล่าวว่า สิ่งที่เขาได้เรียนรู้ในยุคตกต่ำของ Alibaba ก็คือ “คุณจะต้องพัฒนาให้ทีมของคุณมีทั้งคุณค่า อินโนเวชั่น และ วิสัยทัศน์”

แจ็ก หม่า2

ชีวิตของแจ็กเป็นเหมือนกับข้อพิสูจน์ให้เราทุกคนได้เห็นว่า ไม่มีอุปสรรคไหนที่จะขัดขวางเราจากความสำเร็จที่เราหวังไว้ได้ เพียงแค่ใจเราไม่ย่อท้อ

“ถ้าคุณไม่ยอมแพ้คุณก็ยังมีโอกาส การยอมแพ้คือความล้มเหลวที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”