ถ้าคุณหรือเพื่อนร่วมงานผัดวันประกันพรุ่งจนเป็นนิสัย ทำให้งานจะไม่มีทางเสร็จได้เลยถ้าไฟไม่ไหม้จริงๆ ซึ่งคุณไม่มีทางทำงานเสร็จตรงเวลาได้ตลอด หากคุณไม่หัดเริ่มทำให้ตรงเวลาเสียก่อน และยิ่งผัดวันประกันพรุ่งนี้บ่อยขึ้นเท่าไหร่ ผลกระทบที่ตามมาก็จะยิ่งทวีคุณขึ้นเรื่อยๆ ได้
แต่โชคดีที่อาการนี้สามารถรักษาได้ ถ้าคุณมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง
มาร์ติน สวิลลิ่ง (Martin Zwilling) ผู้เป็นที่ปรึกษาด้านธุรกิจและการลงทุนมาเป็นเวลานาน ชี้ว่า ปัญหานี้เกิดขึ้นบ่อยมาก ข้อเท็จจริงของการเปิดกิจการหรือเริ่มทำธุรกิจคือ มันมักจะมีสิ่งที่คุณไม่ชอบ หรือไม่อยากทำอยู่เสมอ จนคุณมักเลือกทำแต่สิ่งที่คุณชอบ
ยกตัวอย่างเช่น การจ้างงานหรือไล่พนักงานออก การระดมเงิน และการสร้างยุทธวิธีการต่างๆ คนมักจะเลี่ยงการทำสิ่งเหล่านี้จนกระทั่งสายเกินไป วิธีแก้ก็คือ หนึ่ง ระลึกไว้เสมอว่า เราต่างก็มีนิสัยแย่ๆ กันทั้งนั้น ลองขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาที่คุณไว้ใจดู หรือให้คนรอบข้างช่วยประเมินสถานการณ์ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินแก้ คนนอกมักจะมองเห็นปัญหาที่ตัวเรานั้นมองข้าม และแนะนำวิธีการแก้ได้ค่อนข้างหลากหลาย รวมไปถึง 8 วิธีเหล่านี้ที่จะช่วยให้คุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกครั้ง และเลิกผัดวันประกันพรุ่งไปได้สักที
1. ตั้งรางวัลให้ตัวเองเมื่อทำงานยากๆ สำเร็จ
คุณจะรู้สึกสนุกกับการตั้งหน้าตั้งตารอรางวัลมากกว่าการทำงาน ยกตัวอย่างเช่น แทนที่คุณจะมุ่งมั่นกับการวางแผนทำงาน ลองเปลี่ยนเป็นวางแผนไปเที่ยว หรือไปดูการแข่งกีฬาสักเกมหลังเสร็จงาน การให้รางวัลสำหรับทุกความสำเร็จเล็กๆ แก่ตัวเราเองนั้น เป็นสิ่งสำคัญ แทนที่จะรอให้รางวัลสำหรับเรื่องที่ใหญ่กว่าเพียงคราวเดียว
2. พยายามจัดตารางงานและจัดลำดับความสำคัญทุกวัน
เรื่องที่แย่ที่สุดของการผัดวันประกันพรุ่งเกิดขึ้นเมื่อคุณลืมทำเรื่องที่สำคัญ หรือไปทำงานที่ไม่ได้รับมอบหมาย การทำลิสต์งานที่คุณต้องทำจะช่วยกระตุ้นให้คุณรู้จักจัดลำดับ และจัดทำตารางเวลาสำหรับงานที่ต้องทำมากขึ้น ผู้คนส่วนมากมักจะรู้สึกพอใจเมื่อได้ขีดฆ่ารายการสิ่งที่เราทำสำเร็จแล้ว
3. จัดลำดับให้ “งานหินที่สุด” เป็นอันดับแรกของงานที่ต้องทำ
จัดการกับสิ่งที่ท้าทายที่สุดในขณะที่คุณยังมีพลังงานมากที่สุด จะดีกว่าจัดการกับปัญหาเล็กๆ ก่อน ถ้าคุณทำงานสำคัญๆ เสร็จได้ไว คุณจะมีแรงกระตุ้นให้ทำสิ่งที่เหลืออยู่ได้ทั้งวัน แล้วคุณจะพบว่า คุณไม่เหนื่อยเลยหากทำสิ่งที่ไม่ต้องใช้ความคิด
4. ล็อคตารางเวลาสำหรับงานสำคัญ
ในโลกธุรกิจนั้นบางอย่างก็เกิดขึ้นโดยที่คุณไม่ได้คาดคิด และต้องจัดการอย่างรวดเร็ว การให้ผู้ช่วยหรือคนอื่นมาจัดตารางงานงานประชุมหรืองานต่างๆ ให้คุณละก็ นั่นจะทำให้คุณมีแนวโน้มที่จะผัดวันประกันพรุ่งและล้มเหลวในการทำงานมากขึ้น ดังนั้น จงทำงานแบบ “Proactive” หรือการทำงานเชิงรุก มากกว่า “Reactive” หรือการทำงานแบบเชิงรับ
5. บันทึกว่าคุณใช้เวลาไปกับการทำงานเท่าไหร่
หากการผัดวันประกันพรุ่งเกิดจากงานที่เยอะมากจนทำให้คุณยุ่งจนไม่มีเวลาว่าง ลองจดบันทึกเวลาที่คุณใช้ในการทำงานแต่ละครั้งดู มันจะช่วยให้คุณมองเห็นว่าตัวเองเลือกงานผิดไหม หรือคุณควรส่งต่องานให้กับคนอื่นที่มีความเชี่ยวชาญมากกว่า
6. หาสถานที่ทำงานที่จะทำให้คุณมีสมาธิ
ทุกวันนี้คนส่วนใหญ่มักจะจัดตารางทำงานที่บ้านสักหนึ่งวันต่ออาทิตย์เพื่อโฟกัสกับการทำงานเชิงกลยุทธ์ มากกว่าการทำงานในออฟฟิศอันวุ่นวาย แต่ในขณะเดียวกัน สำหรับบางคนนั้น บ้านก็ดูจะวุ่นวายมากกว่า เพราะมีทั้งเด็ก สัตว์เลี้ยงและงานบ้าน ฉะนั้นจงรู้จักตัวเอง และลองออกไปในที่ๆ ใช่สำหรับคุณ
7. ขอให้เพื่อนที่ไว้ใจคอยกระตุ้นความรับผิดชอบของคุณ
คนส่วนใหญ่ที่ชอบผัดวันประกันพรุ่งมักจะอาย จึงเก็บเรื่องที่ทำผิดพลาดหรือส่งงานไม่ตรงเวลาเป็นความลับ ถ้าคุณแชร์ความคืบหน้าหรืองานที่ได้รับมอบหมายกับเพื่อนที่คุณไว้วางใจ มันจะช่วยสร้างแรงบันดาลใจและประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่าย ยิ่งถ้าเป็นโปรเจกต์กลุ่ม ยิ่งต้องมีการกำหนดเป้าประสงค์กันอย่างชัดเจน และสื่อสารเข้าใจตรงกันอย่างละเอียดถี่ถ้วน
8. อย่าลืมพักผ่อน ดูแลสุขภาพ และใส่ใจครอบครัว
การพยายามปรับปรุงนิสัยการผัดวันประพรุ่งโดยเพิ่มเวลาการทำงานให้มากขึ้นและยกเลิกวันหยุดนั้น มักให้ผลตรงกันข้าม ซึ่งมันเป็นเรื่องปกติที่ความรู้สึกหงุดหงิด เหนื่อยล้า หรือป่วย จึงทำให้คุณเลือกแก้นิสัยการผัดวันประกันพรุ่งอย่างผิดวิธีนั่นเอง จงมองโลกในแง่ดีและคงระดับประสิทธิภาพการทำงานของตนเอาไว้ให้ดี เพื่อพยายามให้งานสำเร็จตรงเวลา และมีเวลาเหลือให้กับตนเองและผู้อื่น
จากที่กล่าวมา นักผัดวันประกันพรุ่งทั้งหลาย ก็คือศัตรูตัวฉกาจต่อตัวพวกเขาเองนั่นแหละ เพราะคนเหล่านี้ยืนกรานที่จะทำทุกอย่างออกมาให้สมบูรณ์แบบ แถมยังเพิ่มอุปสรรคให้ตัวเอง หรือกลัวว่าจะทำงานให้สำเร็จไม่ได้ ดังนั้น การทำงานได้อย่างใกล้ชิดกับสมาชิกในทีม และฉลองความสำเร็จเล็กๆ เพื่อสร้างแรงผลักดันและความมั่นใจจึงเป็นประโยชน์อย่างมากทีเดียว
จงจำไว้ว่ามีเพียงตัวคุณที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ และคุณนั่นแหละที่จะเป็นผู้ที่ได้รับผลประโยชน์ มากที่สุดจากการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตัวเอง อย่างที่สองที่สำคัญไม่แพ้กันคือ กิจการของคุณก็จะพัฒนาขึ้น เช่นเดียวกันกับความสัมพันธ์ของคุณกับคนที่เชื่อมั่นในตัวคุณ
ฉะนั้น จงอย่าผัดวันประกันพรุ่ง!
Source : Inc