8 กิจวัตรของการทำงาน ที่คนประสบความสำเร็จมักมีคล้ายๆ กัน

9524

คุณอยากจะประสบความสำเร็จให้มากกว่านี้ไหม? มีผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จในชีวิตจำนวนไม่น้อยที่มีทั้งวิธีคิดและแนวทางการใช้ชีวิตประจำวันที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งทั้งสองสิ่งนี้ ต่างก็เป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการที่จะประสบความสำเร็จ และนี่ก็คือกิจวัตรประจำวันและความเชื่อ 8 อย่างที่คนประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ยึดถือไว้เป็นแนวทางปฏิบัติในการทำงาน

1. พวกเขาเริ่มต้นชีวิตในแต่ละวันตั้งแต่เช้าตรู่

นักเขียนสาวนามว่า Laura Vanderkam ได้ทำการศึกษาตารางเวลาในการใช้ชีวิตของผู้ประสบความสำเร็จมาแล้วหลายคน เธอพบว่าหนึ่งในกิจวัตรประจำวันของพวกเขาคือการตื่นนอนและเริ่มต้นการใช้ชีวิตในวันใหม่ตั้งแต่เช้าตรู่ ซึ่ง Richard Branson เองก็เป็นผู้สนับสนุนการเริ่มต้นวันใหม่ตั้งแต่เช้าตรู่เช่นกัน

แน่นอนว่าการตื่นเช้านั้นสร้างประโยชน์มากมาย อย่างหนึ่งคือคุณจะมีโอกาสได้ใช้เวลาของตัวเองอย่างอิสระเสรี ก่อนที่หน้าที่การงานรวมถึงสิ่งจำเป็นต่างๆ จะมาร้องเรียกเพรียกหาและพรากเวลาของคุณไป นอกจากนี้การตื่นเช้ายังช่วยให้คุณอารมณ์ดีขึ้น สดชื่นแจ่มใส และยังช่วยให้รู้สึกว่าคุณเป็นนายของเวลาที่สามารถควบคุมชีวิตตัวเองได้ดีด้วย

การตื่นขึ้นมาแล้วดำเนินกิจวัตรประจำวันจนเสร็จสิ้นในช่วงเช้า จะช่วยให้คุณรู้สึกว่าสามารถควบคุมสถานการณ์ได้และมั่นใจมากขึ้น ซึ่งถือเป็นการเตรียมความพร้อมรับมือกับสิ่งต่างๆ ที่จะพุ่งเข้าใส่คุณในแต่ละวัน

วิธีการนำมาปรับใช้กับตัวเอง: ลองปรับกิจวัตรที่ต้องทำในช่วงเย็น เปลี่ยนมาไว้ช่วงเช้าแทน เช่น การออกกำลังกายก่อนไปทำงานเพื่อให้รู้สึกตื่นตัวและพร้อมสำหรับการทำงาน

2. พวกเขาจะไม่แตกตื่นเมื่อมีเรื่องผิดพลาดเล็กน้อยเกิดขึ้น

หลายคนมักรู้สึกตึงเครียดและกระวนกระวายเมื่อสิ่งต่างๆ ไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ แต่อย่าลืมว่า การผิดแผนนั้นเป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ผู้คนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่จึงมักจะเข้าใจดีว่า พวกเขาไม่สามารถควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างได้ และจะตั้งตารอรับความผิดพลาดอยู่เสมอ

วิธีการที่ใช้รับมือกับปัญหาถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ดังนั้นจึงควรวางแผนรับมือกับความผิดพลาดเอาไว้ เพื่อที่จะได้ตอบโต้พวกมันกลับไปด้วยเหตุผลอย่างมีประสิทธิภาพ

วิธีการนำมาปรับใช้กับตัวเอง: ให้เผื่อเวลาไว้ในแต่ละวันสำหรับปัญหาที่อาจโผล่ขึ้นมาให้สะสาง ประมาณครึ่งชั่วโมงหลังเลิกงานกำลังดี เนื่องจากจะได้ใช้เวลาทั้งวันที่มีไปกับงานที่ต้องทำอย่างไม่ต้องกังวลใจ

3. พวกเขาทำงาน แม้ในยามที่ไม่จำเป็นต้องทำ

ช่วงเช้าตรู่ ช่วงเย็น และวันหยุดสุดสัปดาห์มักจะเป็นช่วงเวลาที่ผู้คนส่วนใหญ่ไม่ทำงานกัน อย่างไรก็ตาม มันอาจหมายถึงการปล่อยเวลาทิ้งไปอย่างเปล่าประโยชน์ ผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่จะลงมือทำงานเมื่อไหร่ก็ตามที่เกิดแรงบันดาลใจขึ้นมา เนื่องจากจะช่วยให้งานสำเร็จได้ง่ายกว่าการรอหรือผลัดวันประกันพรุ่งไปเรื่อย และถ้าไฟในการทำงานมาเมื่อไหร่ ขอให้รีบลงมือทำงานทันทีก่อนที่ไฟจะมอด แม้ว่าจะไม่ใช่เวลางานก็ตาม

วิธีการนำมาปรับใช้กับตัวเอง: วางแผนการทำงานในช่วงเวลาว่างประมาณ 2 ชั่วโมง พร้อมกับใช้เวลาในช่วงนี้เพื่อตอบอีเมล หรือโทรศัพท์ติดต่อกับผู้คนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับงาน รับรองว่าจะช่วยให้คุณก้าวล้ำในที่ทำงาน และยังคงความก้าวหน้าได้เร็วกว่าคนอื่นๆอีกด้วย

4. พวกเขาทำงานที่สำคัญก่อนเป็นอันดับแรก

หลายคนมาถึงที่ทำงานแล้วก็เริ่มงานในแต่ละวันด้วยงานยิบๆ ย่อยๆ เช่น การตอบอีเมล หรืองานดูแลจัดการทั่วไป อย่างไรก็ตาม สมองของคนเราจะทำงานได้ดีที่สุดในช่วงต้นของแต่ละวัน ดังนั้นช่วงเช้าจึงเป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการทำงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์และความท้าทายสูง

วิธีการนำมาปรับใช้กับตัวเอง: วางแผนการทำงานของวันถัดไปตั้งแต่ในที่ทำงาน ให้จัดงานที่สำคัญที่สุดไว้อันดับแรกในตอนเช้า แล้วใช้ช่วงเวลาก่อนพักเที่ยงในการตอบอีเมล เท่านี้ก็การันตีความสำเร็จในการทำงานได้แล้ว

5. พวกเขาจดตารางงานไว้ในที่เดียว

“เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่จะต้องตรวจดูให้แน่ใจว่าคุณได้จดบันทึกตารางการประชุมและนัดหมายที่สำคัญไว้ในที่เดียวกัน ไม่ใช่กระจัดกระจายไปตามปฏิทิน สมุดบันทึก หรือแอพพลิเคชั่นต่างๆ” Alexandra Weiss, หุ้นส่วนของบริษัท CA Creative กล่าว

แทนที่จะจดบันทึกตารางเวลาส่วนยิบย่อยเอาไว้ในโทรศัพท์ โน้ตบุ๊ก คอมพิวเตอร์ในที่ทำงาน และกระดาษโน้ต ให้จดทุกอย่างเอาไว้ในที่เดียวกันเพื่อให้ดูชัดเจนและง่ายต่อการทำความเข้าใจ

วิธีการนำมาปรับใช้กับตัวเอง: เลือกอุปกรณ์ในการจดที่รู้สึกสะดวกที่จะใช้ที่สุด และใช้งานบ่อยที่สุด จะเป็นโทรศัพท์มือถือหรือสมุดบันทึกก็ได้ ให้พกมันไว้กับตัวทั้งวันในระหว่างที่อยู่ที่ทำงาน เพื่อที่จะสามารถปรับแผนงานที่วางไว้ในยามคับขันได้ตลอดทั้งวัน

6. พวกเขาเข้าใจการทำงานเป็นทีม

บริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่งในโลกเริ่มต้นหนทางสู่ความสำเร็จจากการทำงานเป็นทีม เช่น Google ที่ก่อตั้งโดย Larry Page และ Sergey Brin, Apple ที่ก่อตั้งโดย Steve Jobs และ Steve Wozniak และ Paypal ที่ก่อตั้งโดยทีมงานห้าคน

แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำงานคนเดียว ผู้ที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่จะสามารถทำงานกับผู้อื่นได้ รู้จักประนีประนอม และยอมรับความคิดเห็นของคนอื่นๆ ได้เป็นอย่างดี

วิธีการนำมาปรับใช้กับตัวเอง: ถ้าคุณต้องทำงานเป็นทีมร่วมกับผู้อื่นล่ะก็ ให้ส่งตารางงานของคุณไปให้เพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ด้วย แล้วก็อย่าลืมเขียนโน้ตเล็กๆ ถึงเพื่อนร่วมงานในช่วงพักเที่ยงเพื่อขอความคิดเห็นเกี่ยวกับโปรเจคที่ทำอยู่ ซึ่งจะช่วยให้เพื่อนร่วมงานรู้สึกมีส่วนร่วม และเป็นการกระตุ้นให้เกิดการแสดงความคิดเห็นและลงมือทำงานร่วมกัน

7. พวกเขาจริงจังกับการทำงาน

ผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ต่างเชื่อมั่นในงานของตนเอง และมองเห็นคุณค่าในสิ่งที่พวกเขาทำ หากคุณไม่เชื่อมั่นในงานที่ทำแล้วล่ะก็ คงเป็นเรื่องยากที่จะทำงานออกมาอย่างมีประสิทธิภาพและสำเร็จได้

สิ่งสำคัญก็คือ จะต้องกระตุ้นตัวเองให้มีกำลังในการทำงานอยู่เสมอ และต้องไม่ไขว้เขวไปกับผู้คนที่ขาดความเชื่อมั่นในตัวคุณ จำไว้ว่าถ้าหากคุณเชื่อมั่นในงานของตัวเองแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องถามหาความเชื่อมั่นจากใครที่ไหนอีก

วิธีการนำมาปรับใช้กับตัวเอง: เมื่อวันท้ายๆ ของการทำงานในแต่ละสัปดาห์มาถึง ให้แบ่งเวลาไว้สักครึ่งชั่วโมงเพื่อทบทวนเป้าหมายและความฝันของตนเอง และตรวจสอบว่าคุณได้เข้าใกล้พวกมันเพิ่มใหม่ สิ่งนี้จะช่วยให้เดินไปถึงเป้าหมายได้ง่ายขึ้น และที่สำคัญคือมันจะช่วยให้ตัวคุณรู้สึกมีกำลังใจในการที่จะเชื่อมั่นในเป้าหมายของตนเองต่อไป

8. พวกเขาพักผ่อนหลังเสร็จสิ้นภารกิจ

การเป็นกังวลกับงานในขณะที่ไม่ได้อยู่ที่ทำงาน มีแต่จะยิ่งทำให้คุณรู้สึกย่ำแย่ และทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานด้อยลงกว่าเดิม เมื่อเริ่มลงมือทำงานอีกครั้ง นักเขียนชื่อดัง Tim Ferris ได้แนะนำว่า ให้เขียนเป้าหมายในการทำงานของวันถัดไปเอาไว้หลังจากเสร็จงานในแต่ละวัน เพื่อกระตุ้นให้ตนเองรู้สึกมีกำลังใจทำงานในวันถัดไป เท่านี้ก็สามารถปิดสวิตช์ตัวเอง พักผ่อนให้เต็มที่ และมีช่วงเวลาดีๆ ในทุกๆ เย็นได้แล้ว

วิธีการนำมาปรับใช้กับตัวเอง: เขียนเป้าหมาย 3 อย่างที่ตั้งใจจะทำให้สำเร็จในวันถัดไป และให้เขียนว่าจะทำอย่างไรบ้างเพื่อให้สำเร็จตามเป้าลงไปด้วย เพราะมันจะช่วยให้คุณรู้สึกมีเป้าหมายและมีขอบเขตงานที่ชัดเจนขึ้น คุณจึงสามารถตัดความกังวลใจและได้ใช้เวลาว่างที่มีอยู่อย่างเต็มที่

 

Source : Life Hack