“ความฝันที่ปราศจากการลงมือทำ ก็เปรียบเสมือนการใช้ชีวิตอยู่ในโลกสมมุติ “
ลองอ่านข้อความต่อไปนี้ดู…
- 96 % ของอาจารย์ในมหาวิทยาลัยเชื่อว่าตนเองมีทักษะการสอนที่มากกว่าครูทั่วไป
- 50 % ของนักเรียนชั้นม.ปลาย เชื่อว่าพวกเขาจะได้เรียนต่อในคณะที่มีชื่อเสียง เช่น แพทยศาสตร์ , นิติศาสตร์ , และ วิศวกรรมศาสตร์
- นิตยสาร Time ได้ออกแบบสอบถามโดยมีคำถามข้อหนึ่งถามว่า “คุณเป็นหนึ่งในคน 1% ที่ได้เงินเดือนมากที่สุดใช่หรือไม่?” 19 % ตอบว่าใช่! และอีก 36% ตอบว่า อยากให้เป็นเช่นนั้น
จากข้อความนี้จะเห็นได้ชัดว่ามีคนจำนวนมากที่มีความฝันแต่ไม่ได้วางแผนให้เป็นจริง ดังคำกล่าวที่ว่า…
“เมื่อน้ำในสระแห้งไป คุณจะเห็นว่าใครกำลังว่ายน้ำในสภาพโป๊เปลือยอยู่” — วอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffet)
จอห์น คอตเตอร์ (John Kotter) ผู้นำทางความคิด ชาวอเมริกัน กล่าวไว้ว่า ในโลกนี้มีคนอยู่ 2 ประเภทคือ คนที่ยอมรับชะตาชีวิต และคนที่กำหนดชะตาชีวิตตัวเอง คนบางคนแค่ตื่นนอน มองชีวิตและหวังว่าจะมีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นโดยไม่ทำอะไร แต่ในทางกลับกัน คนที่ประสบความสำเร็จจะกล่าวว่า
- ฉันจะทำให้อะไรบางอย่างเกิดขึ้น
- ฉันจะสร้างความน่าเชื่อถือให้ตนเอง
- ฉันจะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้าง
- ฉันจะควบคุมในสิ่งที่ฉันสามารถควบคุมได้
- ฉันจะกำหนดชีวิตของตนเอง
- ฉันจะเรียนรู้และพัฒนาตนเองเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
สิ่งที่เราเรียนรู้ได้จากตัวอย่างนี้ก็คือ เราจะเปลี่ยนความฝันให้เป็นจริงได้ ด้วยการตั้งเป้าหมายที่แบ่งเป็นขั้นตอนย่อยๆ เพื่อให้สามารถทำได้จริงนั่นเอง ดังคำกล่าวที่ว่า
“ความลับของการเปลี่ยนแปลงคือการค่อยๆ ก้าวไปละขั้น” — มาร์ค ทเวน (Mark Twain)
1. เริ่มด้วยการคิดถึงจุดหมายปลายทางก่อน
ตั้งเป้าหมายและถามตนเองว่า “ฉันต้องทำอย่างไรในการทำให้เป้าหมายเหล่านี้สำเร็จ?” คำตอบของคุณจะบอกได้ในทันทีว่าคุณต้องเรียนรู้หรือฝึกฝนทักษะใดเพิ่มเติมบ้าง
2. ประเมินทักษะหรือความรู้ที่คุณต้องการ
เป้าหมายบางอย่างอาจไม่ต้องการความรู้หรือทักษะใหม่ แต่บางเป้าหมายก็จำเป็นต้องอาศัยทักษะเฉพาะเพิ่มเติม แล้วมีทักษะอะไรบ้างล่ะ ที่จะช่วยให้ความฝันของคุณเป็นจริงได้? คุณต้องพัฒนาทักษะอะไรที่มีอยู่แล้วให้ดีขึ้นอีก?
3. สืบหาจากแหล่งความรู้ที่ดีที่สุด
เช่น การเรียน หรือการลงทะเบียนคอร์สอบรมต่างๆ ที่นายจ้างแนะนำ หาที่ปรึกษาหรือเพื่อนร่วมงานที่สามารถช่วยสอนทักษะหรือให้ข้อมูลความรู้ที่จำเป็นแก่คุณได้ จงมองหาแหล่งที่ดีที่สุดสำหรับทุกทักษะที่คุณคิดว่าจำเป็นต้องเรียนรู้
4. วางแผนการเรียนรู้ของคุณ
เมื่อคุณมีข้อมูลแล้ว ขั้นต่อไปคือการวางแผนการเรียนรู้ของคุณ โดยแผนการควรระบุให้ชัดเจนว่าทักษะและความรู้ใดบ้างที่คุณต้องการ รวมไปถึงไทม์ไลน์ว่าคุณต้องทำอะไร ที่ไหน และเมื่อไหร่ คุณควรเขียนด้วยลายมือ และไม่ควรเกิน 1 หน้า เพราะถ้ามีมากเกินไป คุณก็อาจทำตามได้ยาก
5. เริ่มจากสิ่งที่สำคัญที่สุด
นี่คือการวางแผนที่เรียกว่า M.I.T. (Most Important Thing) อย่าเริ่มจากสิ่งที่ยากที่สุดหรือง่ายที่สุด แต่ให้คิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดที่คุณควรทำตอนนี้คืออะไร ประเมินและจัดลำดับตามความสำคัญให้ดี
6. ก้าวไปข้างหน้า
ลงมือทำ! ภายในหนึ่งสัปดาห์คุณต้องทำอะไรบ้าง? คุณจะทำอะไรให้สำเร็จก่อนในสัปดาห์นี้? และอะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุด? อย่ารอช้า… ให้รีบลงมือทำเลย!
7. กำจัดอุปสรรคที่มาจากความคิดของตัวเอง
เราทุกคนต่างก็มีความคิดบางอย่างที่เป็นอุปสรรคต่อตัวเอง ถ้าคุณทำความเข้าใจมัน มันก็จะมีอิทธิพลต่อคุณน้อยลง อย่าขาดความเชื่อมั่นในการเดินตามฝันโดยเด็ดขาด
แหล่งที่มา : Success