“เปิดตา มองให้ลึกเข้าไปในใจว่าคุณพอใจกับการดำเนินชีวิตแบบที่เป็นอยู่นี้แล้วหรือยัง?”
– บ็อบ มาร์เลย์ (ฺBob Marley)
การรู้สึกว่าตนพอใจและได้รับการเติมเต็ม คือความรู้สึกที่ใครๆ ก็หวังที่จะคว้ามันมาให้ได้ และการมีความสุขในชีวิตก็คือเหตุผลทั้งหมดทั้งมวลที่ผลักดันให้เราทำสิ่งต่างๆ เพราะฉะนั้นถามตัวคุณเองดูว่า “ฉันพอใจกับชีวิตของฉันหรือยัง?” หากคำตอบคือไม่ละก็ มันก็ถึงเวลาแล้วละที่จะต้องลองทบทวนสิ่งต่างๆ ดูใหม่ และเปลี่ยนสิ่งที่ควรเปลี่ยน ลองหาเวลาว่างไตร่ตรองในสิ่งต่างๆ ต่อไปนี้ดู เพื่อชีวิตที่มีความสุขยิ่งขึ้น
1. เน้นมองในด้านดี
มันเป็นเรื่องง่ายที่คนเราจะเผลอไปติดกับดักความคิดด้านลบ เช่น กังวลถึงสิ่งที่ต้องรีบทำให้เสร็จ หรือควรทำให้เสร็จไปแล้ว ความผิดพลาดที่เกิดขึ้น และอื่นๆ อีกมากมาย แทนที่จะปล่อยให้เรื่องแย่ๆ และความกังวลเหล่านั้นมาครอบงำความคิดเรา ลองคิดถึงเรื่องดีๆ บ้างสิ ไม่ว่าจะมีเรื่องแย่ๆ ผ่านเข้ามามากน้อยแค่ไหน ลองบังคับตัวเองให้พยายามคิดในด้านดีบ้าง เพราะมันจะช่วยให้เกิดทัศนคติที่ดีต่อชีวิตขึ้นในระยะยาว
2. หาสิ่งบรรเทาความเครียด
ลองคิดให้ออกว่าอะไรจะช่วยปลอบประโลมและผ่อนคลายความเครียดของคุณได้ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการเล่นกีตาร์ ออกกำลังกาย หรืออะไรก็ตาม คุณควรลองหางานอดิเรกที่จะช่วยดึงความสนใจของคุณ และทำให้รู้สึกสงบ จงหาเวลาว่างให้กับตัวเองจากตารางงานอันวุ่นวาย เพื่อที่คุณจะได้ลองหัดทำกิจกรรมอื่นๆ ที่ช่วยผ่อนคลายความเครียดเป็นประจำ
3. อย่าลังเลที่จะหาเวลาว่างให้กับตัวเอง
มันเป็นเรื่องธรรมดาที่คนเราจะรู้สึกเหมือนถูกรุมเร้าเมื่อกำลังยุ่ง แทนที่จะมัวปล่อยให้ตัวเองรู้สึกวุ่นวายจนเหมือนหาทางออกไม่ได้จนยอมแพ้ไป จงเรียนรู้ที่จะสังเกตตนเองว่าเมื่อไหร่ที่กำลังจะหมดความอดทน และหาเวลาพักเบรค การมีเวลาเป็นของตัวเองบ้างไม่ใช่เรื่องเสียหาย จงละรึกไว้เสมอว่าสุขภาพจิตของคนเรานั้นก็สำคัญไม่น้อยไปกว่าสุขภาพทางกายเลย
4. รับผิดชอบต่อการกระทำของคุณ
เมื่อคุณทำพลาดและตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก มันง่ายมากที่จะชี้นิ้วต่อว่าคนอื่นๆ ทั้งที่เป็นความผิดของคุณ หนำซ้ำมันยังไม่ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นเลย แทนที่จะมัวคิดถึงสิ่งที่เคยคาดหวังไว้ทั้งที่มันผิดพลาดไปแล้ว คุณควรจะยอมรับมัน และวิเคราะห์สถานการณ์ที่เกิดขึ้น ควบคุมสิ่งที่ยังควบคุมได้ อะไรพลาดไปแล้วก็ปล่อยมันไป แก้ไขสิ่งที่ยังแก้ไขได้ให้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน หรือชีวิตส่วนตัว และจงยอมรับในสิ่งที่คุณไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้
5. จงเข้าใจในเรื่องต่างๆ ให้มากขึ้น
ความเข้าใจผิด คือหนึ่งในสุดยอดตัวกระตุ้นความเครียดที่เกิดขึ้นได้กับคนทุกคน การเข้าใจมุมมองของคนอื่นได้โดยไร้ซึ่งอคติ คือพรสวรรค์ที่น้อยคนนักจะมี อีกทั้งยังเป็นลักษณะนิสัยที่มีคุณค่ามาก เวลาที่คุณกำลังสนทนากับใคร คุณควรเปิดใจรับฟังโดยไม่ตัดสิน การทำเช่นนี้จะนำมาซึ่งมิตรภาพใหม่ๆ มากขึ้น และความสามารถในการเข้าใจมุมมองของผู้อื่น ยังจะช่วยให้เราคิดและเรียนรู้ในเรื่องนามธรรมมากขึ้นด้วย
6. ทบทวนความสัมพันธ์ที่คุณมี
คุณควรจะพิจารณาความสัมพันธ์ในชีวิต ไล่เรียงไปทีละอย่างว่าความสัมพันธ์เหล่านั้นมีผลต่อตัวคุณอย่างไรในชีวิตประจำวัน ใครกันนะที่ต้องการเห็นคุณประสบความสำเร็จ ใครที่ให้แรงบันดาลใจแก่คุณ หรือใครที่ทำให้คุณมีความสุข? และลองคิดทางกลับกันด้วย ใครที่กำลังดึงให้คุณตกต่ำลง ใครที่ทำให้คุณรู้สึกแย่กับตนเอง หรือมีอิทธิพลด้านลบในชีวิตคุณ จงซื่อสัตย์ต่อตนเองให้มากที่สุด และอยู่ให้ห่างจากคนที่คุณรู้สึกว่าเขากำลังบั่นทอนกำลังของคุณอยู่ จงอยู่ท่ามกลางผู้คนที่อิทธิพลต่อคุณในเชิงบวก คนที่ทำให้คุณมีความสุข และส่งเสริมคุณภาพชีวิตของคุณ
7. ใช้ชีวิตของคุณอย่างคุ้มค่าที่สุด
มีเพียงคุณคนเดียวเท่านั้นที่รู้ว่าอะไรทำให้คุณมีความสุข จงอย่าให้ใครมาบงการชีวิตของคุณ เดินไปตามทางที่คุณต้องการโดยไร้ซึ่งความกลัวถูกตัดสิน แน่ละว่าครอบครัวของคุณ และเพื่อนฝูงนั้นสำคัญ และมันก็เป็นเรื่องดีด้วยซ้ำไปหากคุณจะขอคำแนะนำจากพวกเขาในเวลาที่คุณต้องการ แต่ท้ายที่สุดแล้ว มันก็ตกอยู่ที่การติดสินใจของคุณเองนั่นแหละว่าจะทำตามหรือไม่ คนเราเกิดมามีแค่ชีวิตเดียว เพราะฉะนั้น จงใช้ชีวิตในแบบที่ คุณ ปรารถนา
“มองย้อนกลับไป ชีวิตฉันก็เหมือนกับวันที่ทำงานได้ดี มันเสร็จสมบูรณ์ และฉันก็มีความสุขกับมัน” – แกรนด์มา โมเสส (Grandma Moses)
Source : Success