การตัดสินใจเปิดรับการเปลี่ยนแปลงในชีวิตเป็นเรื่องที่น่ากลัว หนทางเดียวที่สามารถใช้รับมือกับการเปลี่ยนแปลงได้อย่างอยู่หมัดก็คือ คุณต้องเรียนรู้และเอาชนะมันให้ได้ แล้วชีวิตของคุณถึงจะก้าวไปข้างหน้าได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องฝืนตัวเองเลย คุณอาจจะเริ่มต้นด้วยการเรียนรู้ วิธีการเปลี่ยนแปลงวิธีคิดของคุณด้วย 7 วิธีง่ายๆ ดังต่อไปนี้:
1. ใช้เวลาเพื่อออกค้นหาตัวตนและสิ่งที่คุณรัก
โลกทัศน์จะไม่เกิดขึ้นเลยหากปราศจากการมองเห็น ดังนั้น จงก้าวออกจากพื้นที่ปลอดภัย comfort zone ของตัวเองเสีย ลิ้มลองประสบการณ์ใหม่ๆ เกี่ยวกับสิ่งที่คุณรัก ก้าวออกไปเพื่อค้นหาตัวเอง ค้นหาสิ่งที่ชอบและไม่ชอบ จากนั้นถามตัวเองว่า คุณต้องการอะไรในชีวิต? เพราะอะไรสิ่งนั้นจึงสำคัญ?
วิสัยทัศน์ของคนเรานั้นประกอบจาก ตัวตน และ ความปรารถนา ซึ่งคุณต้องมี ความชัดเจน และซื่อสัตย์ต่อตนเองให้มากที่สุด
2. รู้ตัวว่าต้องการอะไรอย่างชัดเจน ไม่คลุมเครือ
ภาพที่ผู้คนส่วนใหญ่นึกถึง เมื่อถูกถามว่าชีวิตต้องการอะไรนั้นมักจะคลุมเครือ ลองหยุดพักจากการใช้ชีวิตวันต่อวันบ้างสิ แล้วหันมาหยิบสมุดสักเล่ม หาที่นั่งสงบๆ ห่างไกลจากการรบกวนของผู้คนและภาระหน้าที่ต่างๆ เพื่อเขียนถึงสิ่งที่ตัวเองปรารถนาจะทำให้สำเร็จและวิธีที่จะนำพาไปสู่จุดๆ นั้นอย่างละเอียด
เขียน ‘ทุกสิ่งทุกอย่าง’ ลงไป เมื่อคุณมีความชัดเจนกับภารกิจของตนเองแล้ว สมองของคุณก็ไม่รีรอที่จะออกคำสั่งให้คุณทำตามสิ่งนั้น จนสำเร็จลุล่วง
3. หมั่นเติมเชื้อเพลิงให้ตัวเองอยู่เสมอ
บ่อยครั้งที่คุณรู้ความต้องการของตัวเองแน่ชัดแล้ว แต่ไม่นานนักแรงผลักดันในตัวกลับแผ่วลงไปซะอย่างนั้น นี่คือสัญญาณบอกว่าคุณกำลังเข้าสู่ช่วงพลังใจตกต่ำ จึงต้องอาศัยแรงกระตุ้นจากภายนอกเพื่อดึงเอาส่วนที่ดีที่สุดของคุณออกมา ลองถามตัวเองว่า ความฝันของฉันมีผลต่อใครบ้าง? และใครบ้างที่จะได้รับผลประโยชน์จากมัน?
คุณคิดว่าหนึ่งปีหลังจากคุณทำตามฝันสำเร็จ มันจะส่งผลอะไรกับเหล่าผู้คนที่คุณรักบ้าง? แล้วสองปีหลังจากนั้นล่ะ? การรู้ว่าสิ่งที่ทำจะส่งผลประโยชน์แก่คนที่รักและสังคมรอบตัวคุณมากขึ้นเรื่อยๆ จะทำให้คุณรู้สึกเข้มแข็งขึ้น ลองนึกภาพว่าในห้าปีหรือสิบปีข้างหน้า ความฝันนั้นจะผลิดอกออกผลอย่างไรบ้าง มันจะกระตุ้นให้คุณมีพลังใจและแรงเพื่อทำตามฝันมากขึ้น และจงย้อนนึกภาพเหล่านี้เสมอ เวลาคุณต้องการเติมเชื้อเพลิงให้กับตัวเอง
4. วางแผนสิ่งที่ฝัน และกำหนดเวลาไว้ว่าคุณต้องเริ่มเมื่อไหร่
คุณรู้รึเปล่าว่าต้องอาศัยทักษะความสามารถและความรู้อะไรบ้างจึงจะพาตัวเองไปยังฝั่งฝันได้? หนึ่งในหนทางที่ง่ายที่สุดเพื่อเดินทางตามฝันนั้นก็คือ การเลียนแบบวิธีการของคนที่ประสบความสำเร็จในเรื่องเดียวกันกับที่คุณต้องการ
เรียนรู้ผ่านการสอบถามและศึกษาเส้นทางชีวิตของพวกเขาเหล่านั้น แล้วจึงวางแผนนำมาปรับใช้กับตนเอง เพื่อที่ว่าคุณจะได้เริ่มเส้นทางของตัวเองได้อย่าง ก้าวกระโดด
5. ปรับเปลี่ยนความเชื่อของคุณ
ความเชื่อของคนเรามีทั้งส่วนที่แสดงออกมาภายนอก (สิ่งที่พูดออกมา) และส่วนที่ซ่อนอยู่ภายใน (สิ่งที่รู้สึกในส่วนลึกของจิตใจ) ความเชื่อภายในนั้นเป็นตัวตัดสินใจเกี่ยวกับสิ่งที่คุณรู้สึกต่อตัวเองอย่างแท้จริง ลองคิดง่ายๆ ว่า ถ้าคุณบอกว่าจะวิ่งมาราธอน ทั้งที่คุณไม่เชื่อในตนเองด้วยซ้ำว่าจะไปได้เกิน 5 กิโล นั่นก็คงไม่ทำให้คุณวิ่งได้สำเร็จแน่ๆ
ข่าวดีก็คือ เราสามารถเปลี่ยนแปลงความเชื่อได้โดยผ่านการฝึกฝนจากภายใน เช่น การทำสมาธิ การย้ำเตือนตัวเองทุกๆ วัน การจดบันทึก และการจินตนาการภาพในใจ
จำไว้ว่าความเชื่อนั้นเป็นตัวขับเคลื่อนมุมมองชีวิตของเรา มันเป็นต้นกำเนิดพฤติกรรม พฤติกรรมก็จะนำมาซึ่งการลงมือทำ และนำไปสู่ความสำเร็จในที่สุด ดังนั้นแล้ว มุมมองความคิดของคุณล้วนเป็นตัวสร้างตัวตนของคุณขึ้นมาจริงๆ คุณคิดว่าคุณเป็นอย่างไร…คุณก็จะเป็นคนอย่างนั้นในที่สุด
6. มีวินัยในตัวเอง
การมีความชำนาญไม่ว่าในเรื่องใดก็ตาม ต้องอาศัยการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอและมีวินัยในตนเอง ซึ่งนั่นรวมไปถึง การกำหนดกิจวัตรประจำวันที่จะนำพาให้ไปถึงเป้าหมาย และการระมัดระวังไม่ให้ถูกเบี่ยงเบนความสนใจออกจากความตั้งใจของตัวเอง
แน่นอนว่ากิจวัตรที่คุณทำอยู่ทุกวันนี้ ได้นำพาให้คุณประสบความสำเร็จในสิ่งที่คุณได้รับมาแล้ว แต่หากอยากคว้าเป้าหมายใหม่ๆ ล่ะก็ คุณก็ต้องเปลี่ยนแปลงกิจวัตรของตัวเองให้สอดคล้องกับความฝันใหม่ของคุณเช่นกัน
การมีวินัยยังหมายถึงการระแวดระวังตนจากสิ่งล่อตาล่อใจด้วย คุณไม่ใช่แค่ต้องพยายามรักษากิจวัตรของตนเองไว้เท่านั้น แต่รวมไปถึงการมีสติตัดสินใจเลือกสิ่งที่ถูกต้อง อยู่ให้ห่างสิ่งที่ไม่เกิดประโยชน์ต่อคุณด้วย ผู้ที่ประสบความสำเร็จทั้งหลายนั้นล้วนต้องมีความใส่ใจและมีสมาธิจดจ่อในสิ่งที่ต้องทำอยู่เสมอ
7. จงมองว่าแต่ละวันคือการก้าวเล็กๆ เพื่อไปสู่ชีวิตที่ฝันเอาไว้
การค่อยๆ ทำทีล่ะนิดแต่ทำอย่างสม่ำเสมอนั้น เปรียบเหมือนการหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความสำเร็จลงในความคิด คุณจะเริ่มรู้สึกว่าตนเองกำลังก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ และความรู้สึกเหล่านั้นก็จะเติบโตเป็นความเชื่อและกลายเป็นทัศนคติของคุณในที่สุด และก่อนที่คุณจะทันได้รู้ตัว คุณก็อาจกำลังโผทะยานไปสู่ชีวิตที่ฝันไว้แล้วก็เป็นได้
Source : Success