ว่ากันว่าความอัจฉริยะทางความคิดสร้างสรรค์นั้นเป็นพรสวรรค์ ไม่ใช่พรแสวง แต่งานวิจัยกว่าร้อยชิ้นก็ได้พิสูจน์แล้วว่า ความคิดสร้างสรรค์นั้นเป็นทักษะที่สามารถสร้างขึ้น และฝึกฝนได้ง่าย นอกจากนี้ยังพบอีกว่าความคิดสร้างสรรค์นั้นจะถ่ายทอดผ่านทางพันธุกรรมเพียงแค่ 30% เท่านั้น อีก 70% ที่เหลือนั้นขึ้นอยู่กับตัวบุคคล
หนังสือเรื่อง The Creativity Formula โดย ดร.อแมนธา อิมเบอร์ ได้อธิบายเกี่ยวกับ 50 วิธีกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ที่ได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์แล้ว และเราได้ยกตัวอย่างมา 6 ข้อที่คุณอาจจะไม่เคยได้ยินมาก่อน
1. การเปิดเสียงให้ดังสุดเหวี่ยง
ถึงแม้ว่าความเงียบจะดีต่อการทำงานหลายประเภท แต่งานวิจัยหนึ่งแนะว่า หากคุณต้องทำงานเกี่ยวกับการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ควรเปิดเพลงเสียงดังเข้าไว้ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยบริติชโคลัมเบียค้นพบว่า ความดังระดับ 70 เดซิเบล (เช่น ในคาเฟ่ หรือถนนในเมือง) เป็นระดับที่มีเสียงรบกวนพอเหมาะพอดี และเอื้อต่อการใช้ความคิดสร้างสรรค์
2. การมองหาสิ่งแปลกใหม่
คุณอาจคิดค้นคำตอบที่แปลกใหม่ไม่เหมือนใครได้มากขึ้นด้วยการจ้องมองรูปภาพหนึ่งสักสองสามนาที แต่รูปภาพนั้นจะต้องสื่อถึงแนวคิด “ความแตกต่าง” งานวิจัยชิันหนึ่งได้เปรียบเทียบแง่คิดและมุมมอง ของคนจำนวนหนึ่งที่มองไปยังรูปภาพที่มี “สิ่งแปลกใหม่” กับ อีกกลุ่มที่มองรูปที่เป็นไปในทิศทาง เดียวกันหมด ผลปรากฏว่า คนกลุ่มแรกจะมีมุมมองที่หลากหลายกว่า และถือว่ามีความคิดสร้างสรรค์ มากกว่าอีกกลุ่มหนึ่งถึง 25%
3. การขยำมือข้างซ้าย
นิโคลา โบแมน ผู้เชี่ยวชาญทางจิตวิทยา ได้ทำการทดลองโดยให้คนกลุ่มหนึ่งขยำลูกบอลด้วยมือซ้าย ในขณะที่อีกกลุ่มหนึ่งขยำลูกบอลด้วยมือขวา ผลปรากฏว่า เพียงการเคลื่อนไหวง่ายๆ อย่างการขยำมือซ้ายก็สามารถกระตุ้นการทำงานของสมองส่วนเกี่ยวข้องกับการคิดแบบองค์รวม และการใช้สัญชาตญาณ ทำให้ความคิดสร้างสรรค์มีมากขึ้นได้ ดังนั้นหากคุณจะต้องแก้ปัญหาที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ล่ะ ให้ลองขยำมือซ้ายของคุณเพื่อช่วยกระตุ้นมันออกมาดูบ้างล่ะ
4. การเสียเหงื่อ
จากการวิจัยพบว่า การออกกำลังกายแบบแอโรบิคเพียง 30 นาที สามารถช่วยเพิ่มความสามารถในการคิดเชิงสร้างสรรค์ ซึ่งจะคงอยู่ได้นานถึง 2 ชั่วโมงหลังจากที่ได้ออกกำลังกาย
5. การเลิกคิ้วหรือยกคิ้วขึ้น
นักวิจัยหลายท่านจากมหาวิทยาลัย The University of Maryland ได้อธิบายทฤษฏีที่ว่า การปรับระดับการมองเห็นด้วยการแสดงออกทางใบหน้ามีผลต่อความคิดสร้างสรรค์ได้ โดยพวกเขามีความคิดว่า การขยายมุมมองการมองเห็น เช่น การเลิกคิ้วขึ้น สามารถทำงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ได้ดีขึ้น ส่วนการลดมุมมองการมองเห็น อย่างการย่นคิ้วก็จะให้ผลที่ตรงกันข้ามอีกด้วย ผู้ที่เข้าร่วมการวิจัยจะถูกเลือกให้ทำใบหน้าทั้ง 2 แบบนี้เป็นเวลา 2 นาที ในขณะที่ต้องทำงานที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์ไปด้วย ผลปรากฏว่า กลุ่มที่ต้องเลิกคิ้วขึ้นจะมีความคิดและมุมมองแปลกใหม่ที่หลากหลายกว่า
6. การคิดและตัดสินใจ
ท้ายที่สุดแล้ว การมีความคิดสร้างสรรค์ของเราขึ้นอยู่กับว่าเราตัดสินใจดีหรือไม่ มีการวิจัยหนึ่งชี้ให้เห็นว่า คนเราจะตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้นในช่วงเวลาเช้าซึ่งเป็นช่วงที่ระบบความคิดยังเต็มประสิทธิภาพอยู่ และมันจะค่อยๆ หมดพลังไปเมื่อต้องใช้ความคิดตัดสินใจหลายครั้งขึ้นเรื่อยๆ ในวันนั้น ดังนั้น ยิ่งเวลาเช้ามากขึ้นเท่าไหร่ คุณก็จะตัดสินใจได้ดีมากขึ้นเท่านั้น
ไม่ว่าคุณจะมองว่าตัวเองเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์สูง หรือ คนที่แทบไม่มีความคิดสร้างสรรค์อยู่ในตัวเลย ให้คุณลองนำวิธีเหล่านี้ไปใช้ดูเพื่อช่วยเติมพลังคิดสร้างสรรค์ของคุณให้มากขึ้นได้
Source: Success