แม้แต่ผู้นำชื่อดังก็ต้องเคยรู้สึกขาดความมั่นใจในบางครั้ง ความมั่นใจไม่ใช่คุณสมบัติที่จะคงอยู่ตลอดเวลา ในทางกลับกัน ความมั่นใจคือความเชื่อจะที่มีผลต่อพฤติกรรมของเรา และเราต้องพยายามรักษาระดับความเชื่อนั้นไว้ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่เราต้องเรียนรู้และฝึกฝนจนเชี่ยวชาญเฉกเช่นเดียวกับความสามารถอื่นๆ เมื่อใดก็ตามที่คุณเข้าใจมันอย่างถ่องแท้ คุณก็จะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่ดีกว่าเดิมได้อย่างแน่นอน และ 6 วิธีที่จะช่วยส่งเสริมให้คุณมีความมั่นใจในตนเอง มีดังนี้
1. วางตัวให้เหมาะสม
ภาษากายของคุณนี่แหละ ที่เป็นตัวชี้วัดว่าคุณนั้นมีความมั่นใจหรือไม่มีความมั่นใจ คุณควรทำตัวให้เหมือนกับว่าคุณพร้อมที่จะรับมือกับทุกสถานการณ์ ถ้าคุณแสดงกิริยาท่าทางที่บ่งบอกถึงความมั่นใจ คุณจะมั่นใจและไม่รู้สึกว่าคุณอยู่ใต้การบังคับบัญชาของใคร ทำให้คนอื่นๆก็จะมีความเชื่อมั่นในตัวคุณเช่นกัน ลองเชิดหน้า นั่งตัวตรง ไม่ห่อไหล่ต่อหน้าผู้อื่นเวลาพูดคุยกัน จับมือทักทายผู้อื่นอย่างมั่นใจ และคอยสบตาคู่สนทนาของคุณทุกครั้งเวลาที่เขาคุยกับคุณ
2. แต่งกายให้เหมาะสม
เมื่อคุณมีบุคลิกภาพที่ดีแล้ว เสื้อผ้าและเครื่องประดับก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน หากคุณเลือกสวมเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับที่เหมาะสมกับคุณ สิ่งเหล่านี้จะช่วยทำให้คุณรู้สึกดี และเมื่อคุณรู้สึกดี มันก็จะยิ่งช่วยสร้างความมั่นใจของคุณเพิ่มขึ้นไปอีก จงแต่งกายในแบบที่คุณชื่นชอบ หรือจงแต่งกายที่จะพาคุณไปสู่ความสำเร็จ อย่ากลัวที่จะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของคุณผ่านเครื่องประดับทั้งหลาย เครื่องประดับที่ดูโดดเด่นหรือเนคไทสีสันฉูดฉาดอาจเป็นสิ่งช่วยให้การเริ่มสนทนากับผู้อื่นง่ายขึ้นก็เป็นได้
3. พูดจาฉะฉาน
หากคุณมีโอกาสได้ฟังพิธีกรคนโปรดของคุณกำลังพูด ลองสังเกตวิธีการที่เขาหรือเธอใช้ในการพูด ผู้พูดที่ดีต้องพูดด้วยความมั่นใจ มั่นคง ด้วยโทนเสียงที่เป็นจังหวะ พวกเขาจะหยุดพูดเป็นจังหวะๆ เพื่อเน้นให้เห็นสิ่งที่สำคัญ และหลีกเลี่ยงการพูด อืม อา ที่ทำให้บทสนทนา ดูขัดหู ไม่ลื่นไหล ลองนำวิธีการพูดที่ฉะฉาน แต่ไม่แข็งกร้าวมาปรับใช้กับตัวเอง วิธีการพูดดังกล่าวจะแสดงออกถึงความมั่นใจของคุณ คุณจะรู้สึกว่าความมั่นใจของคุณมันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพื่อการพัฒนาที่มีประสิทธิภาพ หลีกเลี่ยงการพูดเสียงสูง พูดเสียงสั่นกระตุกกระตัก หรือการพูดพึมพำเบาๆ ยิ่งคุณพูดอย่างมั่นใจ ผู้คนก็จะหันมาสนใจฟังคุณมากขึ้น และพวกเขาจะสัมผัสได้ถึงความเป็นผู้นำที่แผ่ออกมาจากตัวคุณ
4. คิดและประพฤติตนในเชิงบวก
พลังงานเชิงบวกจะนำไปสู่ผลลัพธ์เชิงบวกเสมอ ดังนั้นคุณควรคิดในแง่บวกว่าคุณสามารถรับมือได้ทุกสถานการณ์ หลีกเลี่ยงความคิดในแง่ลบที่มันจะบั่นทอนความมั่นใจของคุณ ดังนั้น จงยิ้ม หัวเราะ และหาความสุขใส่ตัว พูดคุยกับคนที่มีทัศนคติเชิงบวก แล้วคุณจะรู้สึกดีขึ้น มั่นใจขึ้น และคนที่ร่วมงานกับคุณก็จะมีความสุขไปด้วย หมั่นรักษาความรู้สึกดีๆของคุณไว้ เพื่อคอยเตือนตัวคุณเองในแต่ละวันและในทุกๆความสำเร็จของคุณด้วย แล้วคุณจะกลายเป็นคนที่สงบและเชื่อมั่นในตัวเองมากขึ้นเพราะในหัวคุณมีแต่เรื่องดีๆนั้นเอง
5. ลงมือทำ
นอกจากบุคลิกภาพแล้ว ยังมีอะไรอีกหลายอย่างที่แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจ คุณต้องวางตัวให้เหมาะสม พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับบุคคลมากหน้าหลายตาในงานประชุมต่างๆ หรือพร้อมที่จะรับงานโครงการใหม่ๆ ที่คุณมักจะปฏิเสธมาโดยตลอด หมั่นฝึกฝนและสร้างความมั่นใจให้เคยชิน และสุดท้ายมันจะกลายเป็นนิสัยของตัวคุณเอง การหมั่นฝึกฝนจะทำให้เกิดความกล้าและความมั่นใจ แต่ในทางกลับกัน ความเกียจคร้านจะเป็นตัวทำให้เกิดข้ออ้างและความกลัว เพื่อการฝึกฝนที่ดี คุณควรลิสต์จุดเด่นและจุดด้อยของตัวคุณด้วย คนส่วนใหญ่จะให้คุณเริ่มจัดการกับข้อด้อยคุณก่อน แต่จริงๆแล้วคุณควรจะเริ่มพัฒนาข้อดีของคุณและสิ่งที่คุณสามารถทำได้ก่อน เพราะเมื่อคุณทุ่มเทแรงใจและแรงกายของคุณไปยังจุดเด่นเหล่านั้น ความมั่นใจของคุณก็จะเริ่มฉายออกมาเอง
6. เตรียมตัวให้พร้อมเสมอ
อย่าลืมว่าการวางแผนล่วงหน้านั้นมีข้อดีที่จะช่วยลดข้อผิดพลาดให้น้อยลงได้ ยิ่งเตรียมตัวไว้ดีขนาดไหน คุณก็จะยิ่งรู้สึกมั่นใจในความสามารถและศักยภาพของคุณ การเตรียมตัวจะช่วยให้คุณสามารถหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดเล็กๆน้อยๆได้ พยายามเรียนรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับงานที่คุณทำ โดยก่อนเริ่มทำงานใดๆก็ตาม คุณควรจินตนาการ ว่าคุณจะรู้สึกยังไงบ้างเมื่องานนั้นสำเร็จออกมา อย่าพยายามทำอะไรเกินตัวหรือทำหลายๆอย่างในเวลาเดียวกัน คุณควรแบ่งงานออกมาเป็นส่วนๆ พร้อมทั้งจัดลำดับความสำคัญของงาน แล้วจึงค่อยๆลงมือทำ พลทหารอเมริกัน ครีตัน วิลเลี่ยมส์ อาบรัมส์ จูเนียร์ ได้กล่าวไว้ว่า
“คิดจะทำการใหญ่ ใจต้องนิ่ง”
หากคุณมีความอดทนและพากเพียรพอ ความสำเร็จก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแน่นอน
Source : Entrepreneur