5 วิธีที่คนฉลาดมักใช้เพื่อ “ชักจูงตนเอง”

8208

ภาวะผู้นำมักเกี่ยวข้องกับอำนาจชักจูงคนอยู่เสมอ ซึ่งมีคนๆ หนึ่งที่สำคัญที่สุดและต้องชักจูงให้ได้เลยก็คือ ตัวของคุณเอง คำถามคือ ทำอย่างไรเราจึงจะสามารถชักจูงหรือโน้มน้าวใจตนเองให้ทำสิ่งต่างๆ ให้ดีที่สุดได้ล่ะ?

ดังนั้นเรามาดู 5 วิธีที่คนฉลาดมักเลือกใช้ในการชักจูงตนเองกันเลย!

1. ฝึกอยู่ร่วมกับสิ่งที่ควบคุมไม่ได้

โลกนี้มีสิ่งที่คุณอยากจะเปลี่ยนแปลงอยู่มากมาย บางอย่างคุณก็อาจเปลี่ยนแปลงมันได้  แต่หลายครั้งที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้เช่นกัน ดังนั้นคุณจึงต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันให้ได้ ซึ่งหมายความว่า คุณต้องเปลี่ยนทัศนคติเกี่ยวกับเรื่องที่คุณควบคุมไม่ได้นั้น แล้วเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับมันอย่างสันติ

เพราะการกังวลเกี่ยวกับปัญหาที่แก้ไม่ได้นั้น นับว่าไม่ใช่ทางออกที่ดีนัก มันทำให้เราได้แต่นั่งระแวงกับปัญหาอย่างอื่นที่กำลังถาโถมเข้ามาแทน แต่ถ้าคุณสามารถอยู่ร่วมกับปัญหาเหล่านั้นได้อย่างสันติวิธีล่ะก็ ความกังวลจะหายไปในทันที และสิ่งแรกที่คุณจะปรับเปลี่ยนให้เข้ากับมันได้ นั่นก็คือ ‘ทัศนคติ’

“การกังวลกับบางอย่างที่คุณควบคุมไม่ได้นั้น ก็เหมือนกับการตกอยู่ในหลุมที่กำลังด่ำลึกลงเรื่อยๆ”

 

2. อย่าจมปลักอยู่กับอดีต

การติดอยู่กับสิ่งที่ผิดพลาดในอดีต ไม่ช่วยให้ชีวิตเราดีขึ้นได้ เป้าหมายคือ จะทำอย่างไรให้อนาคตดีขึ้นกว่าเดิมได้ล่ะ? แทนที่นั่งกังวลกับอดีตที่แย่ๆ เราควรเรียนรู้จากความผิดพลาดนั้นและไม่ยึดติดกับมันจะดีกว่าไหม

อนาคตที่สดใสขึ้นอยู่กับสิ่งที่เราทำวันนี้ จงใช้ชีวิตให้ดีที่สุดในทุกๆ วัน เรียนรู้จากวันวาน และอย่าทำพลาดอีกในวันนี้ แล้ววันพรุ่งนี้จะเป็นวันที่ดีกว่าเดิมฃ

“เราเรียนรู้จากอดีต และทำเพื่อในอนาคตด้วยการใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบัน”

 

3. โฟกัสในเรื่องที่สำคัญเข้าไว้

ชีวิตเต็มไปด้วยเส้นทางมากมาย อย่าเอาแต่เสียกำลังและอารมณ์ไปเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เลย  “Vicarious living” คือคำนิยามที่ Marshall Goldsmith ใช้อธิบายพฤติกรรมของคนที่มักสนใจแต่เรื่องคนอื่น เรามักทำเช่นนี้ผ่านทางทีวี คอลัมน์ซุบซิบนินทา และกลุ่มแชทส่วนตัวของเรา เพราะมันเป็นเรื่องง่ายกว่าการที่จะมาหาวิธีทำให้ชีวิตตัวเองดีขึ้นยังไงล่ะ และการเสียพลังและเวลาไปกับเรื่องไร้สาระพวกนี้แหละ ที่ทำให้ชีวิตคุณไม่ก้าวไปไหนสักที

ดังนั้น จงค้นหาและเตือนตนเองให้ได้ว่า คุณจะเสียเวลาให้กับเรื่องไร้สาระแบบนี้จริงหรือ? แล้วคุณได้ประโยชน์อะไรจากมันบ้างไหม หรือไม่มีเลย?

“มีเรื่องไร้สาระมากมายในชีวิตประจำวันของเรา และส่วนใหญ่แล้วไม่มีความสำคัญเลยสักนิด”

 

4. ลงทุนเพื่อพัฒนาตัวคุณเอง

ถ้าตัวคุณยังไม่เก่งพอ แล้วคุณจะไปดูแลคนอื่นได้อย่างไร การพัฒนาตนเองทำให้คุณมีความสามารถในการช่วยพัฒนาคนอื่นๆ ได้เช่นกัน การลงทุนในที่นี้อาจหมายถึง การใช้ เงิน เวลา และกำลังที่มีเพื่อช่วยให้คุณ เติบโต เรียนรู้ และพัฒนาตนเองให้ก้าวนำผู้อื่น จนสามารถถ่ายทอดสิ่งต่างๆ เพื่อผู้อื่นได้ต่อไป แต่ถ้าคุณไม่มีความสามารถใดๆ เลย คุณจะเอาอะไรไปสอนหรือแนะนำเขาได้ล่ะ จริงไหม?

“การพัฒนาตัวคุณเอง ช่วยให้คุณสามารถช่วยพัฒนาคนอื่นได้”

 

5. เปลี่ยนคำวิจารณ์ให้กลายเป็นโอกาสในการเรียนรู้

คำวิจารณ์ช่วยให้คุณสามารถเรียนรู้ข้อมูลและทักษะใหม่ ๆ รวมทั้งยังทำให้คุณเข้าใจในตัวเองมากขึ้นได้  เพราะมันช่วยให้คุณเปิดเผยกับตนเองมากขึ้นว่าคุณเป็นอย่างไร มีส่วนใดบ้างที่ยังขาดตกบกพร่อง จำไว้ว่าคำติชมไม่ใช่การทำเพื่อให้ผู้อื่นพอใจ แต่เป็นการฝึกให้คุณเรียนรู้และพัฒนาตัวคุณเองต่างหาก

เพราะการพัฒนาตนเองไปพร้อม ๆ กับการยอมรับคำติชมต่างๆ นั้นนับเป็นเรื่องที่ดี คนประเภทนี้จะมีความน่าเชื่อถือ มองโลกในแง่ดี มีความยืดหยุ่นสูง และมีความจริงใจโปร่งใสอีกด้วย

“คนสมบูรณ์แบบไม่ได้น่าหลงใหล คนที่โปร่งใสต่างหากที่น่าคบหา”

แม้ว่าในโลกนี้จะมีคนที่ รวยกว่า น่ารักกว่า แข็งแรงกว่า หรือเก่งและฉลาดกว่าคุณอยู่มากมาย  แต่สิ่งที่แปลกแต่จริงก็คือ ยิ่งเราเป็นตัวของตัวเองมากเท่าไหร่ ผู้คนจะให้ความสนใจเรามากขึ้นเท่านั้น และชอบในตัวตนของเราด้วย

 

Source: Success