
“เวลา เป็นสิ่งมีค่า”
หากคุณคิดว่าคำพูดข้างต้นเป็นคำพูดที่กล่าวเกินจริง ให้ลองถามทีมฟุตบอลที่คะแนนกำลังตามหลังช่วง 2 นาทีสุดท้ายของเกมส์ เจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศที่ต้องทำหน้าที่จัดลำดับเครื่องขึ้นลงที่สนามบินใหญ่ๆ ผู้รายงานข่าวที่เพิ่งรู้ว่าต้องรีบมารายงานข่าวด่วน หรือแม้แต่ผู้ป่วยมะเร็งที่เพิ่งทราบว่าตัวเองจะอยู่ได้อีกเพียง 2 เดือน แล้วคุณจะได้รับคำตอบ
“การบริหารเวลา” ฟังแล้วเหมือนจะเป็นสิ่งที่ค่อนข้างขัดแย้ง เพราะเวลาเป็นสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุมของมนุษย์ แม้แต่เข็มบนหน้าปัดนาฬิกาก็ยังถูกออกแบบมาให้เดินไปข้างหน้าไม่ถอยหลังกลับ ดังนั้น การจัดการเวลาและการเรียงลำดับความสำคัญของสิ่งที่ต้องทำต่างหาก ที่เป็นความหมายของการบริหารเวลา
เวลาในแต่ละวันของเราเปรียบเสมือนกระเป๋าเดินทางที่แม้ว่าจะมีขนาดเท่ากัน แต่บางคนกลับใส่เสื้อผ้าลงไปได้มากกว่า และด้วยความจริงที่ว่าไม่มีใครมีเวทมนต์ที่จะเสกเวลาให้ถอยหลังกลับได้ การตั้งเป้าหมายเพื่อเป็นแนวทางในการใช้ชีวิต จึงถือเป็นการใช้เวลาที่มีอยู่อย่างจำกัดได้อย่างคุ้มค่าที่สุด
“สิ่งที่ทำให้ผู้บริหารที่ประสบความสำเร็จแตกต่างจากผู้บริหารทั่วไป ก็คือ การให้ความสำคัญกับเวลา”
คำถามคือ เราจะใช้เวลาแต่ละวันให้คุ้มค่ามากที่สุดได้อย่างไรกันหรือ? ลองมาชม 5 คุณลักษณะอันน่าสนใจ ที่ช่วยให้คุณใช้เวลาอย่างชาญฉลาดมากขึ้น ไปชมกัน!
1. มีเป้าหมาย
คนที่ใช้เวลาได้ฉลาดที่สุด คือคนที่ใช้มันไปกับการพัฒนาให้ชีวิตตัวเองหรือผู้อื่นดีขึ้น
หากคุณจัดสรรเวลาให้เหมาะสมเพื่อทุ่มเทให้กับเป้าหมายอย่างเต็มความสามารถ ก็อาจพูดได้อย่างเต็มปากเลยว่า “ไม่มีอะไรที่มนุษย์ทำไม่ได้”
วินาทีที่เราลืมตาดูโลกนั้นช่างมีค่าพอๆกับวินาทีที่เรารู้ว่าแท้จริงแล้วเราเกิดมาเพื่อสิ่งใด เพราะชีวิตคุณแทบจะไร้ความหมายหากปราศจากเป้าหมายที่ชัดเจน เป้าหมายช่วยให้คุณเห็นว่าต้องเดินไปทางไหน ช่วยเติมเต็มคุณค่าในตัวคุณ ทำให้คุณมีความเพียรพยายามและความรับผิดชอบ ผลลัพธ์คือความสำเร็จที่อยู่ไม่เกินเอื้อมมือ
2. มองเห็นคุณค่าของเวลา
คนที่ประสบความสำเร็จมักใช้ทุกวินาทีของพวกเขาอย่างมีค่าที่สุด และด้วยเหตุนี้เอง ที่ทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จ แต่เมื่อใดก็ตามที่เขาหรือเธอใช้เวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ เขาเหล่านั้นมักมีแนวโน้มที่จะใช้ชีวิตอย่างเลื่อนลอยโดยไม่รู้ว่าอะไรกันแน่ที่ต้องให้ความสำคัญ อันที่จริงการเห็นค่าของเวลาก็เปรียบได้กับการเห็นแสงสว่างของดาวเหนือ ที่ช่วยให้คุณไม่หลงทางบนเส้นทางชีวิตที่ไร้ความแน่นอน
และหากจะเปรียบค่าของเวลาเป็นองค์กรหนึ่ง วิสัยทัศน์ในการทำงานก็คงเปรียบเหมือนสมอง เป้าหมายคือหัวใจ และค่าของเวลาก็เปรียบดั่งจิตวิญญาณในการทำงาน เพราะเมื่อใช้เวลาอย่างรู้ค่า ความตั้งใจและความพยายามในการทำงานย่อมเพิ่มขึ้นจนส่งผลให้ผลลัพธ์ที่ออกมาคุ้มค่ากับสิ่งที่ทุ่มเทไป ส่งผลให้การทำงานในทุกๆวันไม่เสียเปล่า
3. พัฒนาสิ่งที่ตนถนัด
คนที่ใช้เวลาอย่างเหมาะสมมักใช้เวลาเพื่อพัฒนาสิ่งที่ตนถนัด บริษัทจะเสียเงินจ้างคุณทำไมหากคุณไม่มีอะไรโดดเด่นกว่าคนอื่นเลย และจำไว้ว่าหากเต็ม 10 ระดับ ทักษะใดก็ตามที่คุณประเมินให้อยู่ที่ระดับ 2 อย่าเสียเวลาไปกับมันมากจนเกินไป เพราะคุณมีแนวโน้มที่จะพัฒนามันได้ไม่เกินระดับที่ 4 แต่หากคุณประเมินแล้วว่าเต็ม 10 ทักษะนั้นอยู่ที่ระดับ 7 นี่ล่ะคือสิ่งที่คุณถนัด พยายามใช้เวลาเพื่อพัฒนาทักษะนั้น และไม่นานจากเพียงแค่ความถนัดมันจะกลายเป็นสิ่งที่คุณชำนาญในไม่ช้า
ดังที่ Jim Sundberg ได้กล่าวไว้ว่า “หาสิ่งพิเศษในตัวคุณให้พบ และจงใช้เวลาเพื่อพัฒนามัน” ถือเป็นเรื่องดีที่คุณมีทักษะหรือความสามารถที่พิเศษกว่าคนทั่วไป เพียงแค่หามันให้พบ หมั่นฝึกฝนให้เก่งแล้วมันจะนำคุณไปพบกับความสำเร็จ
4. มองหาความสุข
คนที่ใช้เวลาอย่างถูกต้องมักเลือกความสุขเพื่อตัวเองก่อนเสมอ โดยจะให้เวลากับครอบครัว คนรัก หรือกิจกรรมที่ทำให้พวกเขามีความสุข แม้ข้อแนะนำข้างต้นจะฟังดูเป็นเรื่องธรรมดาที่ใครๆก็เข้าใจได้ แต่หลายคนกลับเลือกให้ความสำคัญกับหน้าตาฐานะทางสังคมมากกว่าความสุขจากภายใน พวกเขามีแนวโน้มที่จะให้ความสำคัญกับงานจนลืมวันเกิดภรรยาสุดที่รัก พลาดการเข้าชมลูกๆแสดงละครเวที หรือ ไม่แม้แต่จะไปพักผ่อนต่างจังหวัดกับครอบครัว กว่าจะรู้ตัวก็สายไปเสียแล้วเพราะสิ่งที่ได้รับกลับมีเพียงชื่อเสียงและความสำเร็จที่ไม่จีรัง
การบริหารเวลาให้เป็น นับเป็นคุณสมบัติอย่างหนึ่งของผู้ที่ประสบความสำเร็จ ดังนั้นนอกจากเวลางานคุณควรจัดสรรเวลาให้กับเพื่อน คนรัก หรือครอบครัวบ้าง เพราะในทุกๆความสัมพันธ์ล้วนมีปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความสุข นอกจากนี้การจัดสรรเวลาว่างเพื่อทำงานอดิเรกก็ช่วยให้คุณได้ผ่อนคลายความเครียดจากงานที่ค้างคาได้เช่นกัน แม้การอยู่กับครอบครัว เพื่อน หรืองานอดิเรกจะทำให้เรามีความสุข ทั้งนี้ทั้งนั้นความสุขก็เป็นเรื่องเฉพาะบุคคล เพราะท้ายที่สุดทุกๆเหตุการณ์ ทุกๆความสัมพันธ์ที่คุณเผชิญล้วนอยู่ที่ตัวคุณเองว่าจะมองให้มันเป็น ความสุขหรือความทุกข์
5. เป็นครูฝึกที่ดี
คนที่ใช้เวลาได้เหมาะสมที่สุด จะไม่ยอมทำงานคนเดียวอย่างแน่นอน เพราะพวกเขารู้ดีว่าคนเรามีขีดจำกัด ดังนั้นการทำงานเป็นทีมย่อมเกิดประสิทธิภาพมากกว่า อีกทั้งพวกเขาจะไม่หวงความรู้ แต่จะเป็นครูฝึกที่คอยถ่ายทอดความรู้ความสามารถให้กับสมาชิกคนอื่นๆ ในทีมอยู่เสมอ
พวกเขารู้ดีว่าศักยภาพของบุคคลที่เพิ่มขึ้นถือเป็นตัววัดความสำเร็จไม่ใช่ถ้วยรางวัล ดังนั้นสิ่งที่พวกเขามักจะทำเป็นประจำก็คือ การเอาใจเขามาใส่ใจเรา เพื่อให้เห็นว่าสมาชิกในทีมมีความรู้ความเข้าใจในสิ่งที่พวกเขาได้ถ่ายทอด และพวกเขาให้ความสำคัญกับผลลัพธ์ในระยะยาว สิ่งที่พวกเขาได้รับเป็นการตอบแทนจึงไม่เพียงแต่เป็นความสำเร็จของพวกเขาเองเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความสำเร็จของสมาชิกในทีมด้วย
ขอให้คุณเข้าใจว่าเวลาในแต่ละวันนั้นมีจำกัด แม้เราจะรู้สึกว่าแค่ 24 ชั่วโมงมันไม่เพียงพอสักนิด แต่หากคุณบริหารเวลาให้ดีล่ะก็ หนึ่งวันของคุณอาจมีเวลาได้ทำสิ่งต่าง ๆ มากมายแบบคาดไม่ถึงก็ได้นะ
Source : Success