5 ขั้นตอนช่วยให้คุณเป็น “นักคิด นักพัฒนา และนักแก้ปัญหา” ที่เก่งได้

9636

ระบบผลิตแบบฟันเฟืองได้เข้ามาแทนที่แรงงานมือในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม แต่ปัจจุบันมันก็กำลังถูกแทนที่ด้วยปัญญาประดิษฐ์เช่นกัน ซึ่งจะทำให้การลดแรงงานคนกลายเป็นกระแสหลักในอนาคตอันใกล้นี้แน่นอน ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ธุรกิจจะค่อยๆ พัฒนารูปแบบจาก “ทำ” เป็น “คิด” แทน เมื่อเทคโนโลยีมีบทบาทมากขึ้น การคิดจึงกลายเป็นสิ่งสำคัญมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน หากเราต้องการให้ธุรกิจของเรามั่นคงในอนาคต เราต้อง “คิด” “เปลี่ยนวิธีคิด” และ ”ต้องเลิกคิด” ถึงกระบวนการเดิมๆ ที่มีอยู่ ซึ่งแน่นอนว่าการค้นหามุมมองหรือแนวทางใหม่ๆ ในการแก้ปัญหานั้นต้องอาศัยการฝึกฝนพอสมควร

นักกลยุทธ์เชิงพฤติกรรม แดน เกรกอรี่ (Dan Gregory) และคีแรน ฟลานาแกน (Kieran Flanagan)
ผู้เขียนหนังสือ “Selfish, Scared, & Stupid” ได้แนะวิธีการเป็นนักคิด นักพัฒนา กับนักแก้ปัญหาที่ดีขึ้น ซึ่งเราได้เลือกตัวอย่างที่ดีที่สุดเพื่อช่วยบริหารกล้ามเนื้อสมองของคุณให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

1. ยิ่งมีไอเดียมาก…ยิ่งดี!

การระดมสมอง คือ การระดมให้ได้ไอเดียมากๆ เข้าไว้ นี่คือเคล็ดลับของผู้ที่มีหัวคิดสร้างสรรค์และแก้ปัญหาเก่งอันดับต้นๆ ของโลก คุณต้องลิสต์ตัวเลือกให้มากเข้าไว้ เพื่อจะได้ไม่ลงเอยที่ไอเดียง่ายๆ พื้นๆ มันก็เหมือนการออกกำลังกายนั่นแหละ ยิ่งเพิ่มจำนวนครั้งขึ้น คุณก็จะเห็นผลชัดเจนขึ้น โดยไอเดียแรกๆ ที่คิดได้มักชัดเจนเกินไปและผ่านการคิดแค่ชั้นเดียว ดังนั้นคุณต้องคิดให้ลึกซึ้งลงไปอีก จงคิดหลายๆ ชั้น แล้วคุณจะค้นพบไอเดียที่แก้ปัญหาได้อย่างแท้จริง

2. จงหมั่นตั้งคำถาม

ลับสมองด้วยการคิดเป็นประโยคคำถามแทนประโยคบอกเล่า ปัญหาของประโยคบอกเล่าคือมันเป็นสันนิษฐานวิธีแก้ไปแล้ว คุณจึงคิดหาวิธีที่สร้างสรรค์กว่าไม่ออก แต่การตั้งคำถามนั้นเปิดรับคำตอบที่หลากหลาย “การหาฉลากที่จะทำให้ผลิตภัณฑ์ของคุณโดดเด่น” แตกต่างจากการตั้งคำถามว่า “จะทำอย่างไรให้ผลิตภัณฑ์โดดเด่นเมื่ออยู่บนชั้นวาง?” เพราะมันจะนำไปสู่วิธีแก้ปัญหาหลากหลายกว่ามาก

ถ้าคุณเลือกอย่างแรก คุณก็จะได้แค่ฉลากที่ต้องการ แต่คำถามหลังจะนำคุณไปสู่การพัฒนา เช่น
แพคเกจดีไซน์รูปแบบใหม่ๆ การพัฒนาดีไซน์ผลิตภัณฑ์ ระบบการขายหน้าร้านเป็นยังไงดีพอหรือยัง ไปจนถึงการเพิ่มความหลากหลายของตัวผลิตภัณฑ์อีกด้วย

3. ไม่ใช่ไอเดียที่ต้องมาก่อน แต่กลับเป็น “การแก้ปัญหา” ต่างหาก

คุณต้องมีปัญหาก่อน แล้วไอเดียจึงจะตามมา หนึ่งในปัญหาที่ใหญ่ที่สุดคือ ผู้คนมักต้องการไอเดียที่ยอดเยี่ยม และก็ได้แต่สงสัยว่าทำไมถึงคิดอะไรไม่ออกเลย นั่นเพราะสิ่งที่เราต้องการไม่ใช่ไอเดียดีๆ หากแต่เป็น
วิธีแก้ไขปัญหาที่สร้างสรรค์และก้าวหน้าต่างหาก หากคุณไม่รู้ว่าปัญหาคืออะไร คุณก็จะไม่มีวันหาทางออก จงใช้เวลาในการวิเคราะห์หาปัญหาให้พบ แทนที่จะพยายามคิดไอเดียเรื่อยเปื่อยโดยไม่มีจุดมุ่งหมาย

4.กลับไปอยู่มุมเดิมของตัวเอง

ยิ่งถูกจำกัดให้มากเท่าไหร่ ความคิดสร้างสรรค์ยิ่งเพิ่มมากขึ้น สมองจะทำงานได้ดีภายใต้การบีบบังคับ ซึ่งอาจเป็นเพราะสัญชาตญาณการเอาตัวรอด ร่างกายจึงหลั่งสารอะดรีนาลีนออกมากระตุ้น ดังนั้นคราวหน้า ให้ลองแก้ปัญหาภายใต้ข้อจำกัดมากๆ ดู หากเหงื่อเริ่มออก นั่นแหละคือสัญญาณที่ดี

5. ผสมผสานไอเดียต่างๆ เข้าด้วยกัน

การคิดต่าง เป็นสิ่งสำคัญ คุณต้องรับเอาแรงบันดาลใจจากหลากหลายผู้คน สถานที่ อุตสาหกรรม และระบบที่แตกต่างกันไป หากคุณอยากเป็นนักคิดที่ฉับไว คุณต้องเรียนรู้นอกเหนือไปจากบทบาทของตัวเอง อ่านให้มาก สนใจรอบด้าน และสังเกตการทำงานของบริษัทหรืออุตสาหกรรมรายอื่นๆ อยู่เสมอ

สิทธิบัตรที่ประสบความสำเร็จที่สุดนั้นมักมาจากการรวมความคิดหรือเทคโนโลยีจากหลายอุตสาหกรรม และรูปแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ก็สามารถเกิดขึ้นได้ง่ายๆ แค่คุณเอาความคิดที่แตกต่างมาผสมผสานกัน ยกตัวอย่างเช่น การใส่วันหมดอายุในหมอนของแบรนด์ออสเตรเลีย “Tontine” ซึ่งเป็นการนำเอาแนวคิดของอุตสาหกรรมอาหารมาปรับใช้

คุณพร้อมที่จะเริ่มพัฒนาความคิดของคุณหรือยังล่ะ? ลองทำดูสิ!…แล้วคุณจะต้องประหลาดใจว่าตัวเองทำอะไรได้มากกว่าที่คิดไว้เยอะเลย

 

Source : Success