
ชีวิตอาจกลายเป็นเรื่องลำบากขึ้นเรื่อยๆ หากคุณไม่หัดปลูกฝังนิสัยดีๆ ให้ตัวเองบ้าง เราทุกคนต่างมีทางเลือก เราสามารถเลือกได้ว่าจะยอมลำบากตอนนี้เพื่อสบายวันหน้า หรือจะเห็นแก่ความสบายเพียงชั่วครู่ในวันนี้แต่ต้องลำบากไปตลอดชีวิต
สิ่งที่ทำให้คนที่ประสบความสำเร็จต่างจากคนทั่วไปคือพวกเขาเลือกที่จะมี “อุปนิสัยที่ดี” แทนที่จะใช้ชีวิตเฉื่อยแฉะแบบเดิม ๆ ถึงแม้อาจจะดูห่างไกลความสำเร็จในช่วงแรก แต่คุณต้องไม่ลืมว่า เหล่าสิ่งเล็ก ๆ นี่แหละที่จะนำไปสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ได้ และต่อจากนี้คือ 4 อุปนิสัยอันทรงพลังที่จะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าจะทำในสิ่งที่ปรารถนาให้บรรลุผลในท้ายที่สุด
1. เข้าใจชีวิต
เมื่ออะไร ๆ ไม่เป็นดั่งใจ สิ่งแรกที่มนุษย์โดยปกติจะสนองออกมาคือ ‘ความไม่พอใจ’ แต่แทนที่จะปฏิเสธมัน ลองตั้งสติแล้วพิจารณาว่า อะไรคือต้นเหตุของปัญหา? แล้วทำไมปัญหาดังกล่าวถึงเกิดขึ้น? ซึ่งจะเป็นประโยชน์กว่ามากในการสะสางปัญหาที่ประสบ
การได้พบเจอกับความลำบากจะทำให้คุณได้เรียนรู้ และเลิกย่ำอยู่ที่เดิม ๆ กล่าวคือ หากเราเข้าใจว่าชีวิตมีทั้งขึ้นและลง ความเข้าใจนี้จะทำให้เราสามารถละความขุ่นหมองในใจจากเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เราต้องเจอในแต่ละวันได้ ทั้งนี้ก็เพื่อจะได้ทำตามแผนการที่วาดไว้ได้อย่างราบรื่นขึ้น
2. หมั่นให้กำลังใจตัวเอง อย่าประเมินตัวเองต่ำไป
สิ่งที่คนเรามักทำเพื่อลดคุณค่าของตัวเองก็คือ การถามคำถามแย่ ๆ กับตัวเองที่เป็นคำถามบั่นทอนกำลังใจ ซึ่งจิตใต้สำนึกของคุณจะเปลี่ยนจากเชิงบวกกลายเป็นเชิงลบทันทีหลังจากได้ยินคำถามเหล่านั้น
เรามาดูตัวอย่าง คำถามแย่ ๆ กัน
- คำถาม: ทำไมฉันลดน้ำหนักไม่ได้สักที? ตอบ: เพราะฉันมันอ้วน
- คำถาม: ทำไมฉันทำอะไรพลาดตลอด? ตอบ: เพราะฉันมันโง่
- คำถาม: ทำไมฉันจนขนาดนี้? ตอบ: เพราะฉันมันพวกขี้แพ้
ถ้าคุณถามแต่คำถามแย่ ๆ คุณก็ต้องได้รับแต่คำตอบแย่ ๆ เช่นกัน เพราะมันคือหลักการทำงานของจิตใต้สำนึก แต่จะดีกว่าไหมหากคุณลองเปลี่ยนไปถามคำถามที่ดีกับตัวเองบ้าง เพราะคำถามดังกล่าวจะให้ผลลัพธ์ที่ตรงกันข้ามกับคำถามเชิงลบก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง
- สองสิ่งสำคัญที่สุดที่จะทำให้ฉันลดน้ำหนักได้สำเร็จคืออะไร?
- มีทางเลือกอะไรที่ดีกว่านี้อีกไหม ในการจะทำให้งานชิ้นนี้พลาดน้อยลง และสำเร็จผล?
- สามสิ่งแรกที่ฉันควรทำ เพื่อเพิ่มรายได้และลดรายจ่าย คืออะไรบ้าง?
3. ใช้สมองให้มากขึ้น โทษคนอื่นให้น้อยลง
การโทษคนอื่นเป็นวิธีการหาใครก็ได้มารับผิด ใครก็ได้ที่ไม่ใช่ตัวเราเอง กระบวนการดังกล่าวทำให้เกิดความขุ่นเคืองใจและเป็นผลเสียต่อสุขภาพและการใช้ชีวิตของคุณเองอย่างมาก เพราะปัจจัยสำคัญของการโทษคนอื่นนั้นไม่เหมือนกับความโกรธที่มีปัจจัยภายนอกมาเป็นตัวแปร แม้ทั้งสองอย่างจะเกี่ยวข้องโดยตรงกับอารมณ์ก็ตามที
หากคุณใช้สติพิจารณาให้ดีคุณจะพบว่าสิ่งต่าง ๆ ที่พบเจอ คืออดีตที่ผ่านมาแล้ว อย่ายึดติดและใช้อารมณ์กับมันมากจนทำให้ปัจจุบันของคุณหม่นหมอง เพราะมันไม่สามารถทำอะไรคุณได้หรอกหากคุณไม่เก็บมันมาใส่ใจ ขอเพียงเรียนรู้จากมัน ไม่ว่าจะดีหรือร้ายย่อมทำให้คุณได้เติบโต ได้เรียนรู้ และแกร่งขึ้น เพราะการกระทำที่ดีของเราในปัจจุบันนี่แหละที่จะใบเบิกทางที่ดีไปยังวันข้างหน้าได้
4. ทำบางอย่าง ไม่ใช่ทำทุกอย่าง
เมื่อถึงจุดหนึ่งคุณจะพบว่าการ “ปล่อยวาง” บางสิ่งที่ไม่สำคัญทิ้งไปคือทางเลือกที่ฉลาดที่สุด เพราะมันจะส่งผลให้คุณใช้ชีวิตได้เต็มที่ขึ้น มีเวลาให้กับสิ่งสำคัญมากขึ้น สุขภาพกายและใจก็ดีขึ้นด้วย
แก่นสำคัญของการมีสมาธิก็คือการปล่อยวางบางอย่างทิ้งไป
ในหนังสือ Think Like a Freak: The Authors of Freakonomics Offer to Retrain Your Brain กล่าวว่า กลุ่มคนที่ละทิ้งเป้าหมายที่เป็นไปได้ยากนั้น มีแนวโน้มที่จะมีสุขภาพกายและจิตใจที่แข็งแรงขึ้น เช่น
- ลดอาการซึมเศร้า และผลเสียต่ออารมณ์
- ลดระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลซึ่งจะหลั่งออกมาเวลาเครียด
- ลดอาการอักเสบทั่วร่างกาย (Systematic inflamation)
- ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- มีสุขภาพกายที่สมบูรณ์แข็งแรงในระยะยาว
คนที่มีความสุขที่สุด คือคนที่รู้ว่าพวกเขาต้องการอะไร และจะวุ่นอยู่เสมอกับการทำให้ตนเองบรรลุผล แต่ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ทำอย่างค่อยเป็นค่อยไปและไม่รีบร้อน ซึ่งการควบคุมและจัดการชีวิตของตนเองถือเป็นสิ่งสำคัญสุด เพราะเมื่อคุณหยุดพยายามทำทุก ๆ เรื่องที่มีทั้งเรื่องสำคัญและไม่สำคัญ แล้วหันมาโฟกัสแต่เรื่องสำคัญ ๆ แน่นอนว่าคุณก็จะมีเวลาสามารถสร้างผลลัพธ์ดี ๆ ได้เพิ่มขึ้นตามที่ใจคุณต้องการ
“จงว่องไว แต่ไม่เร่งรีบ” — จอห์น วูดเดน (John Wooden)
Source: Success