เป็นธรรมดาของมนุษย์ที่ต้องเคยทำผิดพลาดในชีวิตการทำงาน ส่วนใหญ่แล้ว เรายังสามารถกอบกู้สถานการณ์และเดินหน้าต่อไปได้เสมอ แต่ก็มีอีกหลายๆ อย่างเช่นกันที่สามารถทำลายอาชีพของคุณได้อย่างง่ายดาย เช่น คำพูดบางคำ ที่อาจทำให้คุณเสียเครดิตการทำงาน ยิ่งถ้าคุณเป็นพนักงานที่ปัญหาเยอะอยู่แล้ว มันก็อาจทำให้คุณไม่สามารถก้าวหน้าทางอาชีพได้เลย
และก็นี่คือ 24 ประโยคที่คุณควรหลีกเลี่ยงในที่ทำงาน
“นั่นไม่ใช่หน้าที่ของฉันนะ”
ไม่มีเจ้านายที่ไหนอยากได้ยินคำพูดแบบนี้หรอก โปรดจำไว้ว่ารายละเอียดงานของคุณไม่ได้เป๊ะ 100%
Lynn Taylor ผู้เชี่ยวชาญด้านสภาพแวดล้อมการทำงาน และเป็นผู้เขียนหนังสือเรื่อง “Tame Your Terrible Office Tyrant” บอกกับ Business Insider ว่า “ในขณะที่ทีมของคุณกำลังทำตามคำสั่งที่ได้รับมอบหมาย คุณต้องยืดหยุ่นได้เพื่อให้เจ้านายทำงานง่ายขึ้น ซึ่งสิ่งที่คุณจะได้ตามมาหลังจากนั้นก็คือ ทักษะที่หลากหลาย ทำให้เป็นที่ต้องการมากขึ้นในองค์กร”
Ryan Kahn ผู้เชี่ยวชาญและผู้ให้คำแนะนำด้านอาชีพ ผู้ก่อตั้ง The Hired Group และเป็นผู้เขียน “Hired! The Guide” ก็บอกกับ Business Insider เช่นกันว่า “การบอกว่าคุณไม่เต็มใจที่จะช่วยเหลือในขอบเขตงานอื่นๆ ที่คุณไม่ได้ดูแลนั้น แสดงให้เห็นว่าคุณยังไม่เต็มใจที่ทุ่มเทเพื่อความสำเร็จของบริษัท”
“มันไม่ใช่ความผิดของฉัน”
ถ้าคุณทำผิดพลาด คุณต้องยอมรับมัน อย่าหาข้อแก้ตัว เพราะการละเลยความผิดพลาดและความล้มเหลวไปเรื่อยๆ จะทำให้ติดเป็นนิสัย ซึ่งเป็นนิสัยที่แย่มากในอาชีพการงาน เจ้านายทุกคนล้วนต้องการความรับผิดชอบและความสามารถ ไม่ใช่ข้อแก้ตัวหรอกนะ
“เดี๋ยวไว้ค่อยทำละกัน”
การดองงานไว้จนกว่าจะถึงนาทีสุดท้ายก่อนกำหนดส่งไม่เพียงแต่สร้างความเครียดให้คุณเท่านั้น แต่ยังเป็นอุปสรรคต่อความก้าวหน้าของคนอื่นๆ ที่ต้องพึ่งพางานส่วนของคุณด้วย ซึ่งถ้ามีอะไรผิดพลาดขึ้นมาล่ะก็ คุณนั่นแหละจะเป็นคนแรกที่โดนตำหนิได้
“ฉันก็ไม่ได้ทำอะไรผิดหนิ”
เจ้านายของคุณไม่ได้คาดหวังว่าคุณจะทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่การปกป้องตัวเองจากคำติเตียนที่ได้รับย่อมทำให้คุณดูไม่เป็นมืออาชีพ หากคุณไม่เต็มใจที่จะรับฟังคำวิจารณ์หรือคำสั่งสอนจากใคร มันก็เหมือนเป็นการบอกอ้อมๆ ว่าคุณไม่ต้องการถูกผลักดันและพัฒนาตัวเอง
“ฉันไม่มีข้อสงสัยอะไรเลย”
คำพูดนี้แสดงถึงความไม่ใส่ใจ คุณอาจจะโอเคกับการทำงานแบบถูๆ ไถๆ ให้พอไปได้โดยไม่ได้ตั้งใจทำผลงานอะไรโดดเด่นให้ทีมเลย แต่ท้ายที่สุดแล้วเจ้านายก็จะสังเกตเห็นได้อยู่ดี ดังนั้นใส่ใจงานเข้าไว้ก็ไม่มีอะไรเสียหายนะ
“นั่นเป็นความคิดที่ไม่ได้เรื่องเอาซะเลย”
ความตรงไปตรงมาอาจเป็นสิ่งที่จำเป็นในโลกธุรกิจ แต่ไม่จำเป็นต้องหยาบคายหรือพูดจาต่อต้านกับเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ เพราะท้ายที่สุดมันจะทำให้เจ้านายคุณเริ่มไม่ประทับใจและหันมารำคาญความขวานผ่าซากของคุณแทน
“ฉันจะลาออก”
การขู่ว่าจะลาออกจากบริษัทก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ไม่เป็นมืออาชีพเลย การพูดแบบนี้จะทำให้บริษัทมองว่า
คุณไม่มีความภักดีต่อบริษัท และอาจเชิญคุณออกเองได้ง่ายๆ โดยที่ไม่มีสาเหตุใดๆ ในอนาคต
“ฉันเบื่องานนี้เต็มทน”
ถ้าคุณเบื่อที่ทำงาน ก็ให้ระบายให้คนรัก เพื่อนหรือครอบครัวของคุณฟัง แต่อย่าเผลอบ่นกับเจ้านายเด็ดขาดเลย อย่างที่ Lynn Taylor กล่าวว่า “คุณอาจจะมีช่วงเวลาที่อ่อนแอและเบื่อหน่ายแต่ก็ไม่ควรบ่นให้เจ้านายฟัง ในฐานะลูกจ้าง คุณควรทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและกะตือรือล้น มันจึงเป็นหน้าที่ของคุณเองต่างหากที่ต้องทำให้งานนั้นน่าสนใจขึ้น”
“ขอโทษที่มาสาย (อีกแล้ว)”
ความล่าช้าที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งทำให้เพื่อนร่วมงานมองว่าคุณให้ความสำคัญอย่างอื่นมากกว่าเวลาของพวกเขา แสดงให้เห็นว่าคุณไม่เคารพและไม่ใส่ใจคนรอบข้างเลย ดังนั้น พยายามตรงต่อเวลาให้ได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่อย่างนั้นมันจะค่อยๆ ทำลายเครดิตความน่าเชื่อถือของคุณลง ไม่ว่าคุณจะเก่งและฉลาดขนาดไหนก็ตาม
“มันเป็นไปไม่ได้หรอก”
ผู้จัดการไม่อยากได้ยินความคิดลบๆ หรือเห็นว่าคุณไม่มีความเชื่อมั่นในการทำงาน เพราะงั้นถ้ามีปัญหา
ก็จงอธิบายให้เจ้านายฟังอย่างชัดเจนเพื่อจะได้หาวิธีแก้ร่วมกัน และหนึ่งในแนวทางที่ดีที่สุดในการทำงานกับเจ้านาย คือลองคิดว่าถ้าคุณเป็นเจ้านาย คุณจะต้องการอะไรจากพนักงานบ้างล่ะ ดังนั้น จงคิดให้ดีก่อนจะพูดว่าคุณทำไม่ได้
“ทำอะไรอยู่…มาดูนี่ก่อนเร็ว”
การดูเรื่องตลกไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรแต่มันก็ต้องดูความเหมาะสมด้วย อย่าคอยแต่จะพูดเรื่องโปกฮา รบกวนการทำงานของคนอื่นๆ เก็บไว้คุยตอนพักกลางวันหรือตอนเบรคสั้นๆ ดีกว่า เพื่อไม่ให้คนอื่นรำคาญจนไม่อยากทำงานร่วมกับคุณ
“แล้วฉันได้ประโยชน์อะไรบ้างล่ะ?”
การนึกถึงผลประโยชน์ของตัวเองเป็นเรื่องที่ดี แต่อย่าถึงขึ้นยึดตัวเองเป็นศูนย์กลางทั้งหมด บางครั้งเวลาทำงานคุณก็ต้องช่วยเพื่อนร่วมงานแผนกอื่นๆ ด้วย และเจ้านายส่วนใหญ่ก็ไม่ชอบคนที่ไม่รู้จักการทำงานเป็นทีมซะด้วยสิ
“ฉันจะไปคุยกับแผนกบุคคล”
การทำอะไรข้ามหัวเจ้านายของคุณไม่ใช่การตัดสินใจที่ฉลาดนัก แถมยังแทบไม่มีโอกาสจะชนะเลยด้วยยกเว้นว่าคุณกำลังจะลาออก (หรือโดนไล่ออก) อย่าขู่ด้วยการใช้ประโยคนี้เด็ดขาด ทางที่ดีคุณควรหลีกเลี่ยงการเข้าพบฝ่ายบุคคลด้วยซ้ำ นอกเสียจากว่าไม่เหลือทางเลือกอะไรแล้วจริงๆ
“ฉันจะฟ้องบริษัทให้ถึงที่สุด!”
ไม่ว่าข้อหานั้นจะถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ การป่าวประกาศไปทั่วก็ไม่ทำให้เกิดผลดีแน่ ไม่เชื่อลองถามทนายความของคุณได้ หากคุณวางแผนที่จะฟ้องร้องบริษัททั้งๆ ที่ไม่มีดุลพินิจและความสมเหตุสมผลพอล่ะก็ คุณควรพิจารณาเรื่องลาออกมากกว่า ยิ่งถ้าชอบเอาเรื่องนี้มาขู่ทุกครั้งที่ไม่พอใจ ยิ่งต้องเลิกนิสัยแบบนี้ทันที
“ขอโทษจริงๆ ฉันลืมตอบกลับอีเมลคุณ”
การละเลยไม่ตอบอีเมลตรงเวลา ไม่เพียงแต่ทำให้ผู้ที่ต้องการคำตอบจากคุณเสียเวลาเท่านั้น แต่ยังแสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่มีค่าพอต่อเวลาของคุณ ทำให้คุณพลาดกำหนดส่งงาน และแสดงถึงความไม่เป็นมืออาชีพ แม้ว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่จะตอบทุกอีเมลทันทีที่ได้รับ แต่การตรวจเช็คกล่องอีเมลอย่างสม่ำเสมอย่อมส่งผลดีกว่าแน่นอน
“หุบปากซะ”
การทำงานได้ดีจะไม่สำคัญ หากไม่มีใครอยากทำงานร่วมกับคุณ ไม่เพียงแต่ความหยาบคายเท่านั้นที่จะทำให้เพื่อนร่วมงานหนีหาย แต่ผู้จัดการส่วนใหญ่จะไม่ยอมทนต่อพนักงานที่ใช้แต่อารมณ์และหยาบคายเช่นกัน และความสุภาพต่างหากล่ะ ที่เป็นกุญแจสำคัญในการเอาชนะใจผู้คน
“ได้ยินข่าวลือเรื่องของผู้บริหารคนนั้นบ้างไหม?”
ใช่ว่าการซุบซิบนินทาจะเป็นเรื่องแย่เสมอไป Jim Whitehurst CEO ของ Red Hat บริษัทซอฟแวร์ชื่อดัง สนับสนุนให้พนักงานของเขาเมาท์กันเสียด้วยซ้ำ เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลความเป็นไปในบริษัท ยังไงก็ตามแต่ อย่าปล่อยให้ตัวเองตกเป็นหัวข้อซุบซิบก็แล้วกัน เพราะนอกจากจะต้องมาเสียเวลากับเรื่องไม่เป็นเรื่องแล้ว มันยังจะไปทำลายหน้าที่การงานของคุณอีกด้วย
“ฉันโง่เองแหละ”
ถ้าคุณไม่ไว้ใจตัวเองในการทำงาน แล้วจะหวังให้ใครมาไว้ใจคุณได้ จงสร้างความมั่นใจในตนเอง ก่อนจะก้าวเข้าไปในที่ทำงาน ไม่อย่างนั้นความคิดลบของคุณจะฉุดให้คุณไม่มีพัฒนาการในการทำงานเสียที
“ฉันทำได้” (ทั้งที่รู้ว่าทำไม่ได้)
ประโยคนี้จะไม่เป็นปัญหาเลยถ้ามันเป็นความจริง จงซื่อสัตย์และบอกไปตามความจริงว่าคุณทำได้
หรือทำไม่ได้ แม้จะเป็นเรื่องยากสักหน่อย แต่อย่าไปรับปากในภาระหน้าที่ที่เกินความสามารถ เพราะถ้าประเมินตัวเองสูงไปบ่อยครั้งเข้า คนอื่นจะมองว่าคุณไม่มีความสามารถเอาได้
“ชอบทำอะไรรวบรัด”
คุณไม่ควรส่งอีเมลที่มีเนื้อหารวบรัดตัดตอนและไม่เป็นทางการแม้จะสนิทกับฝ่ายผู้รับขนาดไหนก็ตาม การใช้ภาษาสั้นห้วนแบบนั้นอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดกันได้ เพื่อนร่วมงานอาจมองคุณไม่ดีจนไม่
สุงสิงด้วย แม้ว่าที่จริงคุณจะไม่ได้มีเจตนาไม่ดีเลยก็ตาม
“ฉันทำงานร่วมกับพวกเขาไม่ได้หรอก”
“การเข้ากับคนอื่นไม่ได้” ไม่ใช่เรื่องดีนัก ไม่ว่าจะต่อเด็กอนุบาลในสังคมโรงเรียนไปจนถึงสังคมใน
ที่ทำงาน มันแสดงให้เห็นว่าคุณไม่สามารถก้าวข้ามปัญหาภายในเพื่อจะทำงานให้ออกมาดีที่สุดได้เลย
“ฉันยุ่งมากเลยตอนนี้ คุณรอก่อนได้ไหม?”
คุณมีหน้าที่รับผิดชอบในการถามเจ้านายเสมอว่ามีการเปลี่ยนแปลงลำดับตารางงานหรือไม่ เพื่อจะได้ทำงานให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้จัดการ การลำดับความสำคัญมักเป็นเรื่องที่ไม่ตายตัวอยู่แล้ว ดังนั้น วิธีที่ดีกว่าก็คือการถามเจ้านายว่าพอจะสลับสับเปลี่ยนลำดับงานใหม่ได้ไหม แทนที่จะใช้ประโยคข้างต้นซึ่งฟังดูหยาบคายกว่ามาก
“พวกคุณนี่ก่อปัญหาอยู่เรื่อยเลยนะ”
การแสดงความคิดเห็นเชิงลบเกี่ยวกับกลุ่มหรือบุคคลใดบุคคลหนึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ฉลาดและไม่เป็นมืออาชีพเอาซะเลย ทั้งยังอาจทำให้คุณมีปัญหาได้ถ้าคนอื่นรู้สึกเหมือนถูกระราน
“อย่าบอกเจ้านายนะว่าฉันเป็นคนพูด แต่…”
บางครั้งเมื่ออยู่ในที่ทำงาน การไม่พูดอะไรเลยก็เป็นวิธีที่ดีกว่า ต่อให้คุณมั่นใจว่าตัวเองเก็บความลับเก่งแค่ไหน สุดท้ายมันก็รั่วไหลไปได้อยู่ดี เพราะฉะนั้น จงพยายามอย่าพูดอะไรที่เป็นผลเสียกับการงานของตัวเองเลยจะดีกว่า เพราะมีโอกาสสูงมากที่เจ้านายคุณจะจับได้
Source: Business insider