จุดต่ำสุดในชีวิตของเหล่าคนดัง 15 คน ที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้กับคุณ

73814

“ถ้าคุณกำลังจะเดินตกลงไปในนรก ก็จงเดินต่อไป” – วินสตัน เชอร์ชิล (Winston Churchill)

ถนนเส้นทางแห่งความสำเร็จนั้นไม่เคยสวยหรู บางครั้งก็อาจจะทำให้เราตกอยู่ในจุดที่ต่ำที่สุดของชีวิตก็ได้ เพราะก่อนที่คนเราจะประสบความสำเร็จ จะต้องอาศัยทั้งการทุ่มเทอย่างหนัก ความอดทน และต้องเผชิญกับอุปสรรคความท้าทายมากมาย ซึ่งความล้มเหลวที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องธรรมดาที่สามารถเกิดขึ้นได้เสมอ และความล้มเหลวเหล่านี้แหละที่เป็นจุดเริ่มต้นในการนำเราไปสู่ความสำเร็จ

คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อนว่า มีเหล่าคนดังที่ประสบความสำเร็จจำนวนมากที่ต้องฝ่าฟันกับอุปสรรคเหล่านี้เสมอ ความล้มเหลวที่เกิดขึ้นกับพวกเขานั้นเคยทำให้พวกเขาต้องตกอยู่ในจุดที่เรียกได้ว่า”ต่ำสุดของชีวิต” แต่ท้ายที่สุดแล้วการทุ่มเทอย่างหนักและความมุ่งมั่นตั้งใจ ก็ได้นำพาพวกเขาให้ไปถึงยังฝั่งฝันและกลายมาเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้อื่นมากมาย

ถ้าคุณเคยรู้สึกหมดหวังหรือรู้สึกล้มเหลวในชีวิต และต้องการสิ่งที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้กับคุณ นี่อาจจะเป็นเรื่องราวเล็กๆน้อยๆของเหล่าคนดังที่จะมาจุดประกายฝันและสร้างแรงบันดาลใจ เพื่อให้คุณมีแรงฝ่าฟันกับอุปสรรคและกลายมาเป็นคนที่มีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างพวกเขาได้

วอลท์ ดิสนีย์

 

เรื่องราวแรกที่เราจะนำมาเล่าให้คุณฟังก็คือ เรื่องราวของ วอลท์ ดิสนีย์ เขาต้องเผชิญกับความล้มเหลวในชีวิตอยู่บ่อยครั้ง ความล้มเหลวเหล่านั้นเริ่มต้นจากที่เขาถูกไล่ออกจากวารสาร Kansas City Star เพราะ “ถูกมองว่ายังขาดจินตนาการและไม่ค่อยมีไอเดียดีๆเอาซะเลย” คุณคงไม่เคยรู้ว่า ตัวการ์ตูนมิกกี้เม้าส์ในปัจจุบัน เคยถูกปฏิเสธอย่างไม่ใยดี เพราะคิดว่าหน้าตามันน่ากลัวเกินไปสำหรับเด็กผู้หญิง อีกทั้ง การ์ตูนลูกหมูสามตัวก็ยังเคยถูกปฏิเสธด้วย สาเหตุเพียงเพราะมันมีตัวละครในเรื่องเพียงแค่ 4 ตัว และเคราะห์ซ้ำกรรมซัดอีกครั้งเมื่อธุรกิจแรกในชีวิตของ วอลท์ ดิสนีย์ คือ Laugh-O-Gram animation studio ก็ยังถูกฟ้องล้มละลายอีกด้วย

การฝ่าฝันอุปสรรคในชีวิตของเขาได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อเขาได้ก่อตั้งบริษัท เดอะ วอลท์ ดิสนีย์ (The Walt Disney) ซึ่งปัจจุบันบริษัทกวาดเงินไปได้กว่าหลายหมื่นล้านเหรียญสหรัฐแล้ว เคยมีข่าวลือว่า เขาเคยถูกปฏิเสธงานมามากว่า 302 ครั้ง ก่อนที่จะทำเงินได้มหาศาลขนาดนี้

แฮร์ริสัน ฟอร์ด

ก่อนที่ชีวิตของเขาจะกลายมาเป็นนักแสดง ฮัน โซโล (Star Wars) และอินเดียน่า โจนส์ แฮร์ริสันเคยเรียนรู้การเป็นช่างไม้ด้วยตัวเองในวัย 29 ปี เพราะเขาต้องต่อสู้ดิ้นรนเพื่อดูแลคนในครอบครัว ซึ่งในขณะนั้นเขาเป็นเพียงตัวละครเล็กๆตัวหนึ่งในละครทีวี และแทบจะไม่มีรายได้เพียงพอที่จะเลี้ยงดูคนในครอบครัวได้ จุดนี้เองเลยทำให้เขาผันตัวมาเป็นช่างไม้

เพราะการเป็นช่างไม้ของแฮริสันนี้เอง เขาจึงถูกจ้างให้ไปทำชั้นวางของที่บ้านของ จอร์จ ลูคัส ซึ่งภายหลังก็คือคนที่ชักจูงให้เขามาเล่นหนังเรื่อง อเมริกัน กราฟฟิตี้ (American Graffiti) ตอนนั้นเขาอายุ 29 ปี และอีก 6 ปีให้หลัง จุดพลิกผันของแฮร์ริสันก็เกิดขึ้นเมื่อเขาได้แจ้งเกิดในวงการภาพยนต์โดยรับบทเป็น ฮัน โซโล ในหนังเรื่อง สตาร์ วอร์ส (Star Wars) นั่นเอง และผู้ที่ทำให้เขาโด่งดังไปไกลได้ขนาดนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน จอร์จ ลูคัส อีกเช่นเคย

ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน

ซิลเวสเตอร์ต้องพบเจอกับปัญหาที่หนักหน่วงในชีวิตก่อนที่จะกลายมาเป็นดาราฮอลลีวูดอย่างทุกวันนี้ เขาในวัย 20 ปี เคยเป็นพนักงานในร้านอาหาร ด้วยความถังแตกจึงทำให้เขาตัดสินใจขายเครื่องเพชรของภรรยา และในขณะเดียวกันก็ต้องอยู่อย่างเดียวดายเพราะว่าเขาได้ขายเจ้าตูบแสนรักให้กับคนแปลกหน้าที่ร้านเหล้าในราคาเพียง 25 เหรียญอีกด้วย

ในตอนนั้นเขาได้แต่เดินไปร้องไห้ไป และคิดว่านี่แหละคือจุดที่ต่ำที่สุดในชีวิตของเขา แต่ทุกปัญหามักมีทางออกเสมอ เพราะต่อจากนั้นไม่นานเขาก็ได้แจ้งเกิดในหนังเรื่อง ร็อกกี้ โดยเป็นที่รู้จักและโด่งดังในบทของนักมวยร็อกกี้ รวมทั้งนักรบแรมโบ้อีกด้วย

ลองทายกันสิครับ ว่าหลังจากที่เขาแจ้งเกิดได้แล้วเขาทำอะไรต่อจากนั้น? … เขานำเงิน 15,000 เหรียญ กลับไปรับเจ้าตูบแสนรักของเขาคืนกลับมานั่นเอง

เจ. เค. โรว์ลิ่ง

ปัจจุบันเธอคือหนึ่งในเศรษฐีนีที่รวยติดอันดับต้นๆของโลก โดยครั้งหนึ่งเธอเคยเป็นแม่หม้ายที่หมดตัว อีกทั้งต้องเลี้ยงลูกเพียงลำพัง และยังต้องเผชิญกับปัญหาโลกซึมเศร้าอีกด้วย

เธอหมดเนื้อหมดตัว ไม่มีแม้กระทั่งเงินที่จะพิมพ์หนังสือต้นฉบับของเธอ เธอจึงตัดสินใจพิมพ์นวนิยายที่เธอเขียนกว่า 9,000 คำ ด้วยเครื่องพิมพ์ดีดเก่าๆที่มีอยู่เพื่อส่งต้นฉบับให้กับสำนักพิมพ์ ซึ่งเรื่องที่เธอตีพิมพ์ไปนั้นเป็นนวนิยายเวทย์มนต์ที่โด่งดังไปทั่วทุกมุมโลก นั่นก็คือเรื่อง แฮร์รี่ พอตเตอร์ (Harry Potter) นั่นเอง

อาเรียนา ฮัฟฟิงตัน

เธอเป็นประธานและบรรณาธิการแห่งสำนักข่าว The Huffington Post ที่มีชื่อเสียงในวงการการเมืองของสหรัฐอเมริกา ใครจะรู้ว่าเธอต้องเจอกับความล้มเหลวอันแสนขมขื่นในชีวิต เมื่อเธอได้รับคะแนนโหวตในการเลือกตั้งผู้ว่าในเมืองแคลิฟอร์เนีย ด้วยคะแนนโหวตเพียง 0.55 เปอร์เซ็น ในปี 2003

แม้ว่าหนังสือเล่มแรกของเธอจะขายดีเป็นเทน้ำเทท่า แต่หนังสือเล่มที่สองของเธอกลับถูกตีกลับกว่า 36 ครั้ง และสิ่งที่ไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้น ในปัจจุบันหนังสือของอาเรียนาได้ถูกตีพิมพ์ไปแล้วกว่า 13 เล่มแล้ว อีกทั้งเธอยังประสบความสำเร็จในการก่อตั้งสำนักข่าว Huffington Post อีกด้วย การประสบความสำเร็จในครั้งนี้คือสิ่งที่เธอได้เรียนรู้จากบทเรียนของความผิดพลาดในอดีต

โดนัลด์ ทรัมป์

ครั้งหนึ่งเขาเคยมีหนี้สินกว่า 1 พันล้านเหรียญ เมื่อต้นปี 1990 จนวันหนึ่งเขาจึงพูดกับลูกสาวโดยที่ชี้นิ้วไปยังชายจรจัดคนหนึ่งว่า “ลูกเห็นชายจรจัดคนนั้นไหม เขายังมีเงินมากกว่าเราถึงพันล้านเหรียญเชียวนะ” ซึ่ง โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวภายหลังว่านั่นคือจุดที่ต่ำที่สุดของเขา

ไม่นานหลังจากนั้น เขาก็ได้ถูกบันทึกลงกินเนสบุ๊คว่า เป็นผู้ที่พลิกฟื้นตัวจากวิกฤตทางการเงินที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติกาล แม้ว่าครั้งหนึ่งเขาจะเคยเป็นหนี้กว่า 1 พันล้านเหรียญก็ตาม ปัจจุบันเขามีรายได้สุทธิกว่า 4.5 พันล้านเหรียญ และเป็นมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดอันดับ 324 ของโลก จากการจัดอันดับของนิตยสารฟอร์บส์ ปี 2016

ไมเคิล จอร์แดน

เราไม่อาจปฏิเสธได้ว่าไมเคิลเป็นนักบาสเกตบอลที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก ในวัยเด็กเขารักการเล่นบาสเกตบอลอย่างมากและอยากจะมีอาชีพเป็นนักบาสเกตบอล แต่ไม่มีครูฝึกคนไหนเลยที่จะรับเขาเข้าทีม เพราะเขาเป็นคนตัวเตี้ย

และเรื่องราวสุดจารึกของเขาก็คือ แม้จะเคยถูกปฏิเสธจากทีมตัวแทนบาสเกตบอลของโรงเรียน แต่จอร์แดนกลับไม่ย่อท้อ เขานำความล้มเหลวเหล่านั้นมาผลักดันให้ตัวเองประสบความสำเร็จในท้ายที่สุด

อัลเบิร์ท ไอน์สไตน์

เขาพูดไม่ได้จนกระทั่งอายุ 4 ขวบ และยังอ่านหนังสือไม่ออกจนกระทั่งอายุ 7 ขวบ พ่อแม่และคุณครูต่างบอกว่าเขาเป็นคนสมองช้า ระบบจิตใจพิการและยังชอบปลีกตัวออกจากสังคม อัลเบิร์ทเคยถูกเชิญออกจากโรงเรียนและมิหนำซ้ำยังถูกปฎิเสธการเข้าศึกษาต่อในโรงเรียน Zurich Polytechnic อีกด้วย ปัจจุบันชื่อของไอนสไตน์มีความหมายว่าอัจฉริยะ เพราะเขาคือผู้เปลี่ยนโลกทั้งใบจากการค้นพบอันมากมายของเขา

อับราฮัม ลินคอล์น

เมื่อตอนสมัยยังหนุ่มๆ เขาเคยถูกเสนอชื่อให้เป็นกัปตัน แต่เขาเลือกที่จะกลับไปยังบ้านเกิดและใช้ชีวิตส่วนตัวแบบติดดิน ต่อมาไม่นานนักเขามีความพยายามจะสร้างธุรกิจต่างๆขึ้นมา แต่แล้วก็ประสบกับความล้มเหลว

ด้วยการที่มาจากครอบครัวที่แสนยากจนทำให้เขาจึงต้องดิ้นรนต่อสู้ จนสามารถเป็นทนายความที่มีชื่อเสียงในที่สุด

เขาเคยล้มเหลวหลายครั้งจากการเลือกเป็นวุฒิสภาซ้ำแล้วซ้ำอีก ด้วยการทุ่มเทอย่างหนักเพื่อฝ่าฝันอุปสรรคต่างๆ จนท้ายที่สุดก็ไม่มีอะไรจะขวางทางความพยายามของเขาได้ ทำให้เขาประสบความสำเร็จสูงสุดด้วยการเป็นประธานาธิบดีคนที่ 16 ของสหรัฐอเมริกา

จิม แคร์รีย์

ดาวตลกชื่อดัง ในจุดหนึ่งของชีวิตเขาเคยอาศัยอยู่ในรถบัสที่จอดข้างทางในประเทศแคนาดากับครอบครัวของเขา ครอบครัวของจิมค่อนข้างยากจน เขาเลยจำเป็นที่จะต้องออกจากโรงเรียนเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว

เขาเคยทำงานเป็นภารโรงเพื่อจะหาเงินมาจุนเจือครอบครัวของเขา แคร์รีย์กล่าวว่า เพราะเขาพัฒนาความสามารถพิเศษทางด้านอารมณ์ขันของตัวเอง จนมันกลายเป็นตัวทำเงินให้กับเขาอยู่ทุกวันนี้

สตีเฟ่น คิง

หลายท่านคงรู้ดีว่า สตีเฟ่น คิง ประสบความสำเร็จจนเป็นที่สุดแห่งนักเขียนเรื่องราวแนวสยองขวัญ แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่านวนิยายที่ขายดีที่สุดของเขา เคยถูกปฏิเสธมาแล้วมากกว่า 30 ครั้งก่อนที่จะได้ตีพิมพ์ อีกทั้งต้นฉบับยังเคยถูกปาทิ้งลงถังขยะอย่างไร้ความหวังอีกด้วย

สตีเฟ่นเกิดในครอบครัวที่มีฐานะยากจน เขาเคยทำงานเป็นคุณครูสอนภาษาอังกฤษ และขายเรื่องสั้นให้กับนิตยาสาร ซึ่งสามารถทำรายได้ให้กับเขาอยู่ขณะหนึ่ง ปัจจุบันสตีเฟ่นสามารถขายนวนิยายไปแล้วกว่า 50 เรื่อง อีกทั้งยังถูกตีพิมพ์ซ้ำกว่า 350 ล้านฉบับเลยทีเดียว

โทมัส เอดิสัน

คุณครูของเขาเคยพูดว่า เขาโง่เกินกว่าจะเรียนรู้อะไรได้ เพราะเหตุนี้แม่ของโทมัสจึงนำเขาออกจากโรงเรียนและทำการสอนด้วยตัวเองที่บ้าน โทมัสเคยถูกไล่ออกจากสองงานแรกที่เขาทำ เนื่องจากว่าเขามีศักยภาพในการทำงานไม่เพียงพอ

โทมัสเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ เขาชอบคิดนวัตกรรมใหม่ๆอยู่ตลอดเวลา โดยความสำเร็จของเขาเกิดขึ้นเมื่อเขาพยายามประดิษฐ์หลอดไฟที่ใช้งานได้จริงขึ้นมา ซึ่งเบื้องหลังของความสำเร็จนี้ก็คือ เขาเคยทดลองและล้มเหลวมานับ 10,000 ครั้ง ซึ่งเขาเป็นตัวอย่างที่ดีทีเดียวในการเพียรพยายามจนสามารถประสบความสำเร็จได้ในที่สุด

สตีเวน สปีลเบิร์ก

สตีเวน สปีลเบิร์ก คือบุคคลที่สรรสร้างหนังฟอร์มยักษ์ให้กับเราได้ชมกันมากมาย อาทิเช่น Jaws , Jurassic Park, Saving Private Ryan ฯลฯ มันอาจจะฟังดูไม่น่าเชื่อเมื่อคนอย่างเขาเคยถูกปฏิเสธจากมหาวิทยาลัย The University of Southern California’s School of Cinema Arts ซึ่งเป็นโรงเรียนเกี่ยวกับศิลปะและภาพยนต์ และมันก็ไม่ใช่เพียงครั้งเดียวที่เขาถูกปฏิเสธ หากแต่เป็นถึงสองครั้งสองคราวเลยทีเดียวนี่สิ

แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขาล้มเลิกความฝันที่จะสร้างหนัง เพราะเขายังคงมุ่งหน้าทำตามความฝันต่อไป จนปัจจุบันเขาได้สบประสบความสำเร็จในชีวิตและยังบริจาคเงินเพื่อสร้างตึกให้กับโรงเรียนที่เคยปฏิเสธเขาด้วย

เฮนรี่ ฟอร์ด

เฮนรี่ ฟอร์ด เป็นคนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในการสร้างบริษัทรถยนต์ ซึ่งเขาเองก็เคยล้มเหลวมาก่อนเช่นกัน ย้อนกลับไปในปี 1899 เขาเคยก่อตั้งบริษัท Detroit Automobile ขึ้นมา แต่ในที่สุดแล้วบริษัทก็ไม่ประสบความสำเร็จและถูกยุบไป

และในปี 1901 เมื่อเฮนรีได้ก่อตั้งบริษัท Henry Ford ขึ้นมา จากนั้นไม่นานบริษัทก็ถูกยุบอีกเป็นครั้งที่สอง และความพยายามครั้งสำคัญก็เกิดขึ้นเมื่อเขาก่อตั้ง บริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ ขึ้นมาและประสบความสำเร็จอย่างมากในยุคนั้น ความพยายามอดทนของเขาถึง 3 ครั้ง เป็นตัวผลักดันให้เฮนรี่ขึ้นมาสู่จุดสูงสุดของความสำเร็จได้ รวมทั้งเหตุการณ์ในครั้งนั้นกลายเป็นการปฏิวัติครั้งใหญ่ของวงการอุตสาหกรรมยานยนต์เลยทีเดียว

โอปราห์ วินฟรีย์

เธอเกิดมาในครอบครัวที่ยากจน ใครจะรู้ว่าเธอเคยตั้งท้องเมื่อตอนอายุ 14 แต่ท้ายที่สุดก็ได้แท้งลูกไป โอปร่าเคยถูกกระทำชำเราจากหลานของเธอ รวมทั้งลุงและครอบครัวของเพื่อน หลังจากนั้นเธอก็ลุกขึ้นมาทุ่มเททำงานอย่างหนักให้กับรายการทีวี จนปัจจุบันเธอเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดติดอันดับ 569 ของโลก มีรายได้รวมทั้งสิ้น 3.1 พันล้านเหรียญ รวมทั้งเป็นผู้หญิงผู้ทรงอิทธิพลที่สุดอันดับ 12 ของโลก จากการจัดอันดับของนิตยสารฟอร์บส์

Source : Lifehack