
9 ใน 10 คือ สัดส่วนตัวเลข ของเหล่าสตาร์ทอัพที่ประสบความล้มเหลว และธุรกิจหรือกิจการตั้งใหม่ราวๆ 50% ก็อยู่ได้ไม่ถึง 4 ปี และนี่ก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้คุณล้มเหลวในธุรกิจที่กำลังสร้างก็เป็นได้ ไปชมกัน!
1. คุณไม่มีคุณสมบัติเพียงพอ
แน่นอน! คุณไม่มีคุณสมบัติในการทำธุรกิจเลยจริงๆ คุณไม่มีทั้งวินัยในการทำงาน รับมือกับความเครียดก็ไม่ได้ เวลาคุณที่ล้มเหลวก็คงไม่ยอมกลับมาเริ่มใหม่ หากเป็นแบบนี้ล่ะก็…หยุดทำธุรกิจตั้งแต่ตอนนี้จะดีเสียกว่า!
2. คุณไม่ได้ต้องการทำมันขนาดนั้น
คุณไม่ได้อยากเดินตามฝันถึงขั้นที่จะยอมทุ่มเทลงทุนลงแรง อดหลับอดนอนเพื่อการทำงาน และคุณก็ไม่ได้ต้องการมันถึงขั้นใช้เวลาทำงานในคืนวันสุดสัปดาห์แทนที่จะออกไปสังสรรค์กับผู้คน และเพราะคุณไม่ได้ตื่นเต้นกับความฝันของคุณแม้แต่น้อยยังไงล่ะ
3. คุณเก่งไม่พอ
หากคุณคิดเสมอว่าคุณเป็นหนึ่งในคนที่เจ๋งที่สุดในสนามธุรกิจนี้ คุณกำลังอยู่ในจุดสูงสุดของการแข่งขัน และคิดว่าคุณกำลังทุ่มเทให้กับงานมากพอแล้วล่ะก็ คุณคิดผิดแล้วล่ะ! เพราะคุณยังห่างไกลจากมันมากด้วยซ้ำไป ผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จล้วนขวนขวายหาทักษะความรู้อยู่ตลอดเวลา เพื่อก้าวนำคู่แข่ง แล้วคุณล่ะ…ขวนขวายมากพอหรือยัง?
4. คุณเอาแต่พูด พูด และพูด
ไหนล่ะ…สิ่งที่คุณบอกว่าจะทำ? ไหนบอกจะเลิกติดโซเชียล เลิกติดนั่นติดนี่ แล้วหันมาจริงจังกับงานมากขึ้น? นั่นไงล่ะ ก็เพราะคุณเอาแต่พูดแล้วยอมไม่ทำซักที
5. คุณคิดว่าตัวเองรู้ดี
หากคุณคิดว่าตัวเองเข้าใจไปซะหมด จึงไม่จำเป็นต้องถามหาคำปรึกษาอะไรใครก็ได้ ไม่ต้องให้ใครมาช่วย และคุณรู้ดีอยู่แล้วว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ ไม่ต้องให้ใครมาช่วยก็ได้จริงไหม? แต่…หยุดก่อน คุณกำลังคิดผิดมหันต์เลยล่ะ! เพราะจริงๆ แล้วคุณไม่ได้รู้อะไรเลยด้วยซ้ำ แล้วการที่คุณไม่ยอมแสวงหาความรู้เพิ่มก็คือสัญญาณว่าคุณไม่มีทางไปถึงฝันอย่างแน่นอน
6. คุณไม่รับฟังความเห็นใครเลย
เมื่อใครก็ตามไม่ชอบความคิดคุณ คุณก็คิดว่านั่นเป็นปัญหาของเขาเพราะพวกเขาไม่เข้าใจคุณเอง โดยที่ไม่เคยตั้งคำถามเลยว่าสิ่งที่คุณทำอยู่นั้น ดีแล้วหรือยัง? ควรปรับหรือพัฒนาส่วนไหนเพิ่มหรือเปล่า?
7. คุณรู้แล้วว่าคุณจะเอาเงินที่ได้ไปใช้กับอะไร
คุณเชื่อเสมอว่าจะต้องได้เป็นเศรษฐีแน่ๆ แต่แทนที่คุณจะเอาเวลามาทำงานให้ดีที่สุด คุณกลับเอามันมานั่งเพ้อฝันว่าคุณจะเอาเงินที่ได้นั้นไปซื้อนั่นซื้อนี่แทนซะอย่างนั้น
8. คุณทำราวกับว่า ‘ความสำเร็จของคนอื่น’ เป็นความสำเร็จของตัวเอง
อย่างเช่นว่า “เพื่อนสนิทของลุงเป็นเศรษฐีเงินล้านเหรอ? เยี่ยมเลยสิ! แค่ได้ใกล้ชิดกับเขา อนาคตเราก็น่าจะเป็นแบบนั้นได้เหมือนกันแหละ” ซึ่ง…ก็ขอให้เป็นจริงให้ได้ก็แล้วกัน
9. คุณเอาแต่ยึดติดกับ ‘ความสำเร็จครั้งล่าสุด’ ของคุณ
ก็เพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่คุณมีและภูมิใจไงล่ะ…จริงไหม? แต่ขอโทษที่ต้องบอกนะ แค่คุณเอาแต่ยึดกับความสำเร็จเก่าๆ ทุกวี่วัน คนรอบข้างรวมถึงคู่แข่งธุรกิจก็ก้าวนำคุณไปกันหมดแล้ว ดังนั้น ปล่อยวางมันบ้างเถอะ แล้วมาสร้างความสำเร็จใหม่ ๆ กันได้แล้ว
10. คุณมัวแต่พูดคำว่า “สักวันหนึ่ง”
มันต้องไม่ ‘สักวันหนึ่ง’ แล้วสิ แต่มันต้อง ‘ทำตอนนี้’ เลยต่างหากล่ะ เพราะหากไม่อย่างนั้น…คุณก็ไม่ได้ลงมือสักที แล้วเมื่อไหร่จะเก่ง จะมั่งคั่ง และสำเร็จได้ล่ะจริงไหม?
11. คุณกังวลว่าคู่แข่งทำอะไรอยู่
คุณกังวลเพราะคุณไม่มีความเชื่อมั่นในสิ่งที่คุณสร้างมากพอ หรือที่แย่กว่านั้นคือ คุณคิดว่าสิ่งที่คุณสร้างมามันไม่มั่นคง ถ้าหากคุณเชื่อมั่นในตัวเองแล้ว คนอื่นจะเป็นอย่างไร คงไม่ส่งผลอะไรกับคุณนัก แต่สิ่งเดียวที่คุณจะคิดคือ คุณต้องหาทางก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดหย่อนให้ได้
12. คุณกลัวว่าคนอื่นจะ “ขโมยไอเดีย” คุณไป
คุณลองสร้างอะไรขึ้นจริงๆ แล้วหรือยัง ถึงมองว่าวิธีคิดนั้นได้ผลที่สุด? การกลัวว่าคนอื่นจะขโมยไอเดียดีๆ ของคุณไปและเงียบไม่ยอมบอกใครสักที คำถามก็คือ แล้วสิ่งที่คุณคิดไว้จะออกมาเป็นรูปธรรมสำเร็จได้เมื่อไหร่ล่ะ? แล้วใครจะเป็นที่ปรึกษาที่ช่วยแก้ปัญหาของคุณได้? หรือคุณจะแก้ด้วยตัวเองทั้งหมด?
13. คุณอยากได้ผลประโยชน์ในทันที แทนที่จะอดทนเฝ้ารอ
การที่คุณเลือกคว้าเอาผลประโยชน์นิด ๆ หน่อย ๆ แทนที่จะรอเพื่อสิ่งที่คุ้มค่ากว่านั้นล่ะก็ แล้วเมื่อไหร่กิจการของคุณจะก้าวไกลไปได้สักทีล่ะ
14. คุณขาดความมั่นใจ
คุณไม่มั่นใจในตัวเองเลย และต้องรอให้คนอื่นช่วยเสริมกำลังใจให้ตลอด
เอาล่ะ! มีข้อไหนบ้างที่คุณอ่านแล้วรู้สึกหงุดหงิดหรือโกรธบ้างไหม? จงตระหนักว่าการทำสิ่งที่คุณอยากทำมันไม่ง่ายเลย เพราะว่าหลายคนต้องสะดุดลงด้วยเหตุผลเหล่านี้ทั้งนั้น
แท้จริงแล้ว เหตุผลที่คนส่วนใหญ่ไม่ทำตามฝันหรือสร้างอะไรให้เป็นชิ้นเป็นอันเป็นเพราะพวกเขาไม่มีความมั่นใจในตัวเองพอตั้งแต่แรก หรือไม่ก็มัวแต่จมอยู่กับความเพ้อฝันถึงอนาคตอันสวยหรู แต่กลับขาดระเบียบวินัยในการมุ่งมั่นในสิ่งที่ควรทำตั้งแต่แรก
หากคุณ หรือคนใกล้ตัว ต้องการทำบางสิ่งที่มีความหมายต่อชีวิตล่ะก็ ให้ลองอ่านเหตุผลเหล่านี้หลายๆ ครั้ง เวลาที่คนอื่นตราหน้าว่าคุณ “ไร้ความสามารถ” มันรู้สึกอย่างไร? คุณจะพิสูจน์ตัวเองได้ไหมว่าคุณก็ทำได้ และมีความสามารถเหมือนกัน?
Source: Inc-asean