
หลายคนคงได้ยินมาบ่อยว่า ‘อีกไม่นานโลกก็จะแตก’ ซึ่งก็ยังไม่มีใครสามารถให้คำตอบได้ ว่าโลกที่เราอาศัยอยู่นี้จะถึงคราวอวสานเมื่อไหร่ เหตุผลหลักๆ ก็คงหนีไม่พ้นภาวะโลกร้อน ที่มีแต่จะทำให้โลกของเราแปรปรวนขึ้นทุกที และไม่สามารถแก้ไขอะไรได้อีกแล้ว เราอาจจะต้องชินกับภาวะนี้ หรือมองหาที่อยู่ใหม่?
เป็นที่รู้กันว่าเมื่อช่วงต้นปี 2017 นาซ่าได้ประกาศการค้นพบระบบสุริยะแห่งใหม่ที่ชื่อ “Trappist-1” (แทรปปิสต์-วัน) ซึ่งอยู่ห่างจากโลก 40 ปีแสง และใน Trappist-1 นี้ ประกอบไปด้วยดาวเคราะห์ขนาดใกล้เคียงกับโลกถึง 7 ดวงเลยทีเดียว!
Trappist-1 แห่งนี้ มีอายุมาแล้วอย่างน้อย 500 ล้านล้านปี และมีความจ้าของแสงแดดแค่ 0.05% ของดวงอาทิตย์บวกกับการเป็นดาวแคระที่ความร้อนต่ำ ทำให้ Trappist-1 จะมีอายุนานกว่าระบบสุริยะของเราถึง 1,000 เท่า พูดง่ายๆ ก็คือ หลังจากที่พระอาทิตย์ของโลกเราเผาพลาญพลังงานในตัวเองหมดไปนั้น Trappist-1 จะยังอยู่ได้อีกนานมากๆ นานพอที่จะทำให้สิ่งมีชีวิตสามารถมีวิวัฒนาการขึ้นมาได้
ดร. เอมี บาร์ จากสถาบันวิทยาศาสตร์ด้านการศึกษาดาวเคราะห์ (PSI) ในสหรัฐฯ และคณะ ใช้ข้อมูลที่มีอยู่ของ NASA ในการสร้างแบบจำลองดาวเคราะห์พวกนี้ เพื่อทำนายลักษณะทางกายภาพบนดาว และพวกเขาได้พบว่า มีดาว 2 ดวง ที่มีสภาพเอื้อต่อการดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิตมากที่สุด คือดาว d และดาว e
พวกเขาคำนวนว่าดาวเคราะห์ทั้งสองดวง อยู่ในเขตอบอุ่น เป็นอุณหภูมิที่เหมาะสม เพราะภายใต้พิภพ มีอุณหภูมิราว 15 องศาเซลเซียส หรืออุ่นกว่าจุดละลายน้ำแข็งเล็กน้อย และยังพบความร้อนจากน้ำขึ้นน้ำลงด้วย นักดาราศาสตร์ของนาซ่า กล่าวว่า การที่ดาวฤกษ์ Trappist-1 มีอายุมากกว่าดวงอาทิตย์ ทำให้ดาวเคราะห์บริวารหลายดวงมีอุณหภูมิไม่สูงนัก พอเหมาะพอเจาะที่สิ่งมีชีวิตจะสามารถอาศัยอยู่ได้
นักดาราศาสตร์ทุกคนต่างก็ตื่นเต้นกับการค้นพบครั้งแรก กับดาวเคราะห์ที่มีลักษณะคล้ายโลกได้ทีเดียวถึง 7 ดวง การค้นพบนี้ชี้ให้เห็นว่าอาจจะมีดาวเคราะห์ที่มีขนาดใหญ่เท่าโลก หรือมีแนวโน้มที่สิ่งมีชีวิตจะสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้นั้น กระจายตัวอยู่ทั่วทางช้างเผือก
แต่พูดถึงการเดินทางไปสำรวจหรือย้ายถิ่นฐานของมนุษย์นั้นก็ยังเป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลานาน เจ้าหน้าที่นาซ่าบอกว่า การเดินทางไปยัง Trappist-1 ณ ปัจจุบัน มนุษย์ต้องใช้เวลากว่า 800,000 ปี แต่ในอนาคตก็ยังไม่แน่นักว่าเราจะสามารถย่นระยะเวลาการเดินทางเพื่อสำรวจอวกาศได้หรือไม่ เมื่อ Stepheb Hawking ได้ริเริ่มโครงการ Breakthrough Starshot ยานสำรวจขับเคลื่อนด้วยเลเซอร์ สามรถเดินทางได้เร็ว 20% ของความไวแสง หมายความว่าเราอาจจะใช้เวลาเดินทางไปยัง Trappist-1 อย่างน้อย 200 ปี แต่โครงการนี้ก็ยังอยู่ในระยะเริ่มต้นเท่านั้น
Source : BBC , The Guardian