
หลายคนอาจไม่ชอบนั่งทำงานตามร้านกาแฟ เพราะรู้สึกว่าเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยผู้คนจอแจ แถมยังคุยกันเสียงดังรบกวนสมาธิอีก แต่เชื่อไหมว่า? งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์มากมายได้ชี้ให้เห็นว่าร้านกาแฟนี่แหละ ที่เหมาะสำหรับการทำงานมากที่สุด
ในขณะที่ออฟฟิศแบบ Open space office อย่างที่นิยมกันในปัจจุบันต่างหาก ที่เป็นตัวทำลายสมาธิชั้นยอด แม้จะเชื่อกันว่า ออฟฟิศรูปแบบนี้จะกระตุ้นให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ และกระบวนการทำงานร่วมกันมากยิ่งขึ้น เพราะพนักงานเข้าถึงกันได้ง่าย
โดย CEO ของ Twitter และ Square อย่าง แจ็ค ดอร์ซีย์ ก็สนับสนุนว่า…
“เราอยากให้ผู้คนได้อยู่ในพื้นที่ที่เปิดโล่งเพราะเราเชื่อมั่นว่า พวกเขาจะได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ จากคนอื่นอย่างไม่คาดคิด”
แต่ความเป็นจริงแล้ว การทำงานในออฟฟิศแบบเปิดส่งผลเสียมากกว่าที่คิด งานวิจัยมากมายเผยว่า ปัญหาใหญ่ที่สุดของการทำงานร่วมพื้นที่กับผู้อื่น ก็คือเสียงรบกวนจากการคุยโทรศัพท์ติดต่องาน การเม้ามอย หรือการคุยงานของเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ จะทำให้คุณไม่สามารถตั้งสมาธิกับงานตรงหน้าได้
แล้วเสียงรบกวนในออฟฟิศต่างจากร้านกาแฟยังไงล่ะ?
จริงอยู่ที่ร้านกาแฟก็เต็มไปด้วยเสียงผู้คนพูดคุยกันเช่นกัน แต่ทว่าเสียงเหล่านี้แหละที่กลับกระตุ้นให้คุณมีสมาธิมากขึ้น
โดยกลุ่มนักวิจัยได้ทดลองให้กลุ่มตัวอย่างลองทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีระดับเสียงแตกต่างกันออกไป ผลปรากฏว่ากลุ่มที่ต้องทำงานในระดับเสียงที่ 70 เดซิเบล เทียบได้กับการนั่งทำงานในร้านกาแฟ ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่ากลุ่มอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัดมาก ยิ่งไปกว่านั้นผลการวิเคราะห์จากงานวิจัยกว่า 242 ชิ้นยังแสดงให้เห็นว่า การได้ยินบทสนทนาจากทั้งสองฝั่งเช่น จากการพูดคุยของคนสองคนในร้านกาแฟจะไม่รบกวนสมาธิ เท่ากับการได้ยินบทสนทนาเพียงครึ่งเดียว เช่น การนั่งข้างๆ เพื่อนร่วมงานที่คุยโทรศัพท์ในออฟฟิศ
ผู้คนที่รายล้อมคุณในร้านกาแฟนั้นล้วนเป็นคนแปลกหน้า คุณจึงไม่ค่อยวอกแวกไปกับบทสนทนาของคนเหล่านั้นนัก แม้ว่าจะเสียงดังกว่าปกติไปบ้างก็ตาม
ความเงียบ ไม่ใช่คำตอบของการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพเสมอไป แต่อยู่ที่ว่าใครเป็นส่งเสียงให้คุณได้ยินต่างหาก
Source : inc-asean